วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2568

กางเตนท์ท้าลมหนาวใต้ต้นพญาเสือโคร่ง

 มกราคม 2568

ทริปนี้ตั้งใจมาลองไปนอนกางเตนท์บนดอยที่เชียงใหม่  จองพื้นที่กางเตนท์ในเวปของอุทยานไว้กันเหนียว เค้าคิดค่าบริการ 30 บาทต่อคน/คืน  จองไว้ที่ห้วยน้ำดัง1 คืนและที่ดอยผ้าห่มปก2 คืน 

        ถึงวันเดินทาง เราออกเดินทางออกจากบ้านกรุงเทพ ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ขับรถตามสปีดลิมิตตามป้ายถนน  ถึงนครสวรรค์แวะทานข้าวหน้าเป็ดหมูกรอบร้านเดิม และไม่ลืมซื้อซาลาเปาทอดของอร่อยของร้านนี้ติดรถไปด้วย


บ่ายถึงเชียงใหม่แวะทานข้าวซอยร้านในปั๊ม ปตท แม่ริม ที่ตกแต่งสวยงามได้รับรางวัลประกวดทุกปี ทานเสร็จก็บึ่งขึ้นดอยที่มีเพื่อนเจ้าถิ่น 2 คนล่วงหน้าไปรอ อยู่แล้ว


อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนของประเทศไทย โดยในเขตอุทยาน มีภูมิทัศน์ต่าง ๆ ได้แก่ จุดชมวิวภูเขา น้ำตก และบ่อน้ำร้อน อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือประมาณ 100 กิโลเมตร (60 ไมล์) มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแม่แตงและเวียงแหงของจังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปายของจังหวัดแม่ฮ่องสอน อุทยานมีพื้นที่ 1,252 ตารางกิโลเมตร (483 ตารางไมล์)เป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิงและแม่น้ำปายจุดที่สูงที่สุดคือดอยช้าง มีความสูง 1,962 เมตร (6,400 ฟุต)

จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ดอยช้างและดอยแก้วลม ซึ่งเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกในตอนเช้าของฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีน้ำตกห้วยน้ำดัง มีความสูง 4 ชั้น สูงประมาณ 50 เมตร (160 ฟุต) และกว้าง 40 เมตร (130 ฟุต) น้ำตกอีกแห่งคือ น้ำตกแม่เย็น มีน้ำไหลตลอดทั้งปีบ่อน้ำร้อนภายในอุทยานได้แก่ บ่อโป่งเดือด มีประมาณสามถึงสี่บ่อ และบ่อท่าปายในอำเภอปาย




จุดกางเต็นท์และที่พัก

ห้วยน้ำดังมีจุดกางเต็นท์ทั้งหมด 5 โซน ได้แก่ A, B, C, D และ E แต่ละโซนมีห้องน้ำบริการครบครัน ควรมาถึงอุทยานแต่เช้าเพื่อได้จุดที่ดีในการชมวิวทะเลหมอก

นอกจากนี้ ยังมีบริการเช่าเต็นท์และอุปกรณ์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมมาเอง บ้านพักของอุทยานก็มีให้จองล่วงหน้า แต่ช่วงเทศกาลควรจองล่วงหน้าเพราะเต็มเร็ว



ค่าบริการจุดกางเต็นท์ ในอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง

  • ค่ากางเต็นท์: คนละ 30 บาท
  • ค่าเช่าเต็นท์: เต็นท์ละ 225 บาทต่อเต็นท์ นอนได้ 3 คน
  • ค่าเช่าอุปกรณ์การนอน: หมอน 10 บาท แผ่นรองนอน 20 บาท, ถุงนอน 30 บาท, ผ้านวมใหญ่ 50 บาท


เราเลือกที่ลาน D เพราะเป็นจุดที่จะเห็นทะเลหมอกในตอนเช้าและ จุดกางเตนท์ก็จะอยู่ต่ำลงไปนิดนึง รถเข้าไม่ถึงทำให้ดูจะสงบเป็นส่วนตัวกว่าจุดอื่น มากัน4 คน โสด2 เลยใช้ 3 เตนท์ 


ที่ลาน BและC จะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก แต่ รถมาจอดชิดเตนท์เลย ก็แล้วแต่คนว่าชอบแแบไหน


         

แสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้าได้เวลาที่เราพากันเดินไปที่ลานต้นสนเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน








พระอาทิยต์ลับทิวเขาไปแล้ว ความหนาวเริ่มปกคลุมไปทั่ว ลมหนาวกระโชกมาเป็นระบอกเพิ่มความยะเยือกจนเราน้ำมูกไหลไม่หยุด ต้องรีบรุดไปหลบลมที่ร้านอาหารสวัสดิการ และสั่งอาหารเย็นเป็นผัดกระเพราหมูราดข้าวเหมือนเคยๆ ไม่แน่ใจว่ารสชาติอร่อยหรือไม่แต่บอกได้เลยว่าเราทานได้แค่ครึ่งจานก็เชคบิล

กลับถึงเตนท์ก็เตรียมตัวเข้านอน อำลากันนิดหน่อยก็แยกย้ายกันเข้าเตนท์ ใครเตนท์มัน โชคดีที่ตัดสินใจไปอาบน้ำเย็นกันตั้งแต่ตอนที่กางเตนท์เสร็จใหม่ๆยังมีแดดให้ความอบอุ่นอยู่บ้าง


แม้จะยังหัวค่ำอยู่แต่ทั่วลานกางเตนท์ก็ไม่ได้มีเสียงสรวลเสเฮฮา เหมือนที่ปกติเคยไปนอนกางเตนท์ที่อื่นๆมีแค่เสียงเด็กๆ2 คนยังคงวิ่งเล่นกันอยู่ตั้งแต่ตอนกลางวันจนถึงตอนนี้ก็ยังมีพลังเหลืออยู่ไม่หมดแรงย่อท้อเหมือนพวกผู้ใหญ่  ข้างเต้นมีเสียงหนุ่มสาววัยกลางคน เพิ่งมากางเตนท์เสียงตอกหมุดสมอกึงกัง ระคนกับเสียงก่นด่าไม่สบอารมณ์ใครบางคนที่คงจะขัดขวางการมากางเตนท์ที่นี่ตอนนี้ สุดท้ายเสียงก็เงียบไปไม่แน่ใจว่ากางสำเร็จหรือไม่ เราหลับๆตื่นๆพลิกตัวไปมาหาท่าที่จะเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเองอยู่ไปมา ดึกแล้วเสียงหนุ่มสาวอีกคู่ที่อยู่เตนท์ข้างๆยังคงคุยกันอยู่เบาๆ ฉันๆเธอๆ คงจะนอนไม่หลับเช่นกัน
     


และแล้วก็หลับไปตอนไหนไม่แน่ใจ ตื่นมาอีกทีได้ยินเสียง จิ๊ดสมาชิกในทีมซึ่งนอนอยู่เตนท์เล็กใช้ผ้าเช็ดน้ำอยู่ในเตนท์พูดคุยกับจูน จับใจความว่าน้ำรั่วเข้าทางตะเข็บ ส่วนจูน ค้านว่าไม่ใช่ เป็นไอน้ำที่ออกจากตัวเราแล้วไปกระทบกับผ้าเตนท์เย็นๆเกิดคอนเดนท์เป็นน้ำ้หยดลงในเตนท์เอง ฟังดูเป็นวิชาการมากๆ  เราก็นอนคิดที่จูนพูดมันก็มีส่วนที่เป็นไปได้  แต่นอนอยู่ในเตนท์แค่คนเดียวน้ำจากร่างกายที่คายออกมาหนึ่งคืนคงไม่พอให้น้ำท่วมเตนท์จนถึงกับต้องเช็ดหรอก ถ้ามากขนาดนั้นจิ๊ดคงแห้งตายเพราะขาดน้ำไ ปแล้ว 555 ว่าแล้วก็เลยต้องตื่นและลุกออกจากเตนท์ไปสมทบกับพวก





จูนผู้ช่ำชองเรื่องกาแฟ ตั้งอกตั้งใจดริปกาแฟอยู่ที่หน้าเตนท์  ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นซอกเขาเบื่องหน้า อากาศเริ่มอบอุ่นเล็กน้อย ปรากฏการณ์ทะเลหมอกสงบนิ่งอยู่ในหุบเขา ดูสวยงาม นักท่องเที่ยวจากลานกางเตนท์อื่นๆเริ่มทะยอยมาหามุมบันทึกภาพกับแบคกราวด์ทะเลหมอกที่นี่กันแล้ว พวกเราก็ไม่ยอมพลาดโอกาศเช่นกัน เก็บภาพไว้คนละภาพ2ภาพ





หลังกาแฟจบ จูน  อดีตคอลัมนิสต์ “นายรอบรู้”จากหนังสือพิมพ์มติชน ก็เอ่ยปากชวนเดินไปเมตร ที่ผาชมวิวกิ่วลมโดยให้ข้อจูงใจว่าทะเลหมอกจะสวยกว่าตรงจุดนี้เพราะมุมมองจะได้กว้างกว่าไม่มีทิวเขาบัง  พวกเราก็โอเคไปกัน



เดินไปตามถนน จะผ่านจุดกางเตนท์ต้นสนที่ดูกน่าสนใจดีได้บบรยากาสเขาสูง



ถึงจุดชมวิวกิ่วลม มีศาลาใต้เงาพญาเสือโคร่งที่ดอกเริ่มจะโรยร่วงไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงสวยงามเมื่อมีทะเลหมอกเป็นฉากหลัง








เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเป็นบริเวณบ้านพักรับรอง มีบ้านพักหลายหลังแต่ดูว่าน่าจะจองในระบบยากสักหน่อย รวมถึงมีเตนท์แบบมีไฟฟ้าและน้ำ้อุ่นให้เช่าอยู่4-5 หลังแต่คงต้องจองแบบ walk in เพราะในเวปของอุทยานระบบไม่มีให้จอง















ตรงจุดนี้ก็มีร้านอาหาร พวกเราเลยสั่งข้าวต้มทานกันคนละชามก่อนเดินกลับ 


ผ่านจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกก็ไม่ลืมที่จะต้องแวะทำธุระที่ห้องน้ำบริเวณนี้เสียเลย เพราะห้องน้ำตรงจุดนี้จะเป็นห้องน้ำที่เพิ่งสร้างใหม่มีโถแบบชักโครกนั่งสบายไม่ปวดเข่า


สายแล้วเตนท์แห้งสนิทดีแล้วก็ช่วยกันพับเก็บเตนท์และอุกรณ์การนอน อาบน้ำอาบท่าเดินทางไกลต่อ เป้าหมายแรก ร้านข้าวขาหมูที่แม่สะเรียง  ถึงเป้าหมายตรงเวลา ปรากฏว่าร้าน ระกาศหยุด2 วัน วันนี้กับพรุ่งนี้ อดเลย เลยต้องหาหาอะไรรองท้องระหว่างทาง ปักหมุดต่อไปคือ ร้านข้าวซอยปาริชาติที่อำเภอฝาง ตามเส้นทาง เราต้องวิ่งผ่านบริเวณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งตอนนี้มีงานรับปริญญา ก็แน่นอนว่าเจอรถติดหนักสักหน่อย แต่ในที่สุดเราก็ผ่านมาได้ ถึงฝางประมาณบ่าย2โมง ร้านข้าวซอยยังไม่ปิด แต่ เนื้อกับไก่หมด เหลือแต่ข้าวซอยลูกชิ้น ไหนๆก็ตั้งใจมาแล้วก็สั่งทานกัน ก็เลยได้ทานข้าวชอยลูกชิ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต ทานเสร็จก็ขึ้นดอยกันเลย เป้าหมายที่ทำการโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก


Doi Pha Hom Pok

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยพื้นที่โครงการฯเป็นที่อยู่อาศัย และทำกินของชาวเขา 4 เผ่า ได้แก่ มูเซอ กระเหรี่ยง อาข่า และลีซอ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ประเพณี วัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่า ชมแปลงเกษตรกรรมไม้ผล ไม้ดอกประดับ และพืชผักเมืองหนาว นาข้าวขั้นบันได เลือกซื้อของที่ระลึกจากชนเผ่า เช่น เครื่องเงิน เครื่องจักสาน ผ้าทอ งานแกะสลักไม้ พักผ่อนหย่อนใจด้วยการกางเต๊นท์พักแรมบริเวณลานกางเต๊นท์ระดับความสูง 1,610 เมตร จากระดับน้ำทะเล อีกทั้งสามารถนอนพักแรมในรูปแบบ Home stay ในบ้านชาวเขาแต่ละเผ่าได้อีกด้วย โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ฯ ดอยผ้าห่มปก ตั้งอยู่บริเวณตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่


ลานกางเต็นท์โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ - อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก

 

ข้อมูลทั่วไป

          ลานกางเต็นท์โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ เป็นที่ตั้ง เรื่อนประทับแรมของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เป็นจุดชมวิวที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีทะเลหมอกและดอกพญาเสือโคร่งบานในช่วงฤดูหนาว ช่วงฤดูร้อนจะพบเจอกับภาพบรรยากาศของดงดอกเสี้ยว เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์พักแรมละพักผ่อนในบรรยากาศธรรมชาติ 

 


ที่นี่เรา 4คนเคยมาดูนกและชมดอกพระยาเสือโคร่งบานเมื่อต้นปีที่แล้ว แต่ไม่ได้ค้าง รมที่นี่ ปีที่แล้วเราพักที่บ้านพักอุทยาน ที่น้ำพุร้อนฝาง  ปีที่แล้วตอนมาที่นี่ เจี๊ยบโดนตัวคุ่นกัดกว่าจะรู้ตัวก็เลือเต็ม2 ขา กลับไปขาอักเสบรักษา  ยูหลายสัปดาห์กว่าจะหาย แต่ก็ยังมีร่องรอยแผลเป็นอยู่จนถึงปัจจุบัน คิดว่าจะเข็ดขยาดกับที่นี่ แต่เอาเข้าจริงๆพอถึงหน้าดอกไม้บานอีกครั้งก็อยากกลับมาที่นี่อีก แถมขอมาพักค้างแรมที่นี่อีกด้วย จึงเป็นที่มาของการเกิดทริปนี้ขึ้น

ลานกางเตนท์ที่โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ไม่ได้มีให้จองในระบบการจองบ้านพักของอุทยาน เราไม่แน่ใจว่านักท่องเที่ยวจะเยอะหรือไม่เลย ทำการจองไว้ที่ ลานกิ่วลมซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนักเผื่อๆเอาไว้  แต่เมื่อมาถึงก็โชคดีนักท่องเที่ยวไม่ม่กนักเพราะไม่ได้เป็นวันหยุด ก็เลยมีพื้นที่เหลือเฟือให้เลือกกางเตนท์ได้  ค่าบริการเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าเราสามารถใช้สิทธิ์จากการจองที่กิ่วลมได้ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม คือดีงาม






ที่พักเราเลือกริมเนินเตี้ยๆ หน้าเตนท์เป็นกอต้นกุหลาบพันปี ที่ชายเป็นดงพญาเสือโคร่งออกดอกบานสวยงามมองเห็นฝูงนกปรอดหัวขาว White-headed Bulbul บินขึ้นลงอยู่บนยอดไกลๆเป็นนกใหม่ของเรา  เลยต้องคว้ากล้องไปเก็บภาพไว้ก่อนที่แสงจะหมดได้แถมนกปรอดดำ และนกกินปลีแบบย้อนแสงสักนิด ก็ ต้องรีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะหนาวกว่านี้


White-headed Bulbul


Black Bulbul








ค่ำนี้อากาศไม่รุนแรงเท่าเมื่อคืนอาจจะเป็นเพราะที่นี่ลมไม่แรง  เราจึงมีโอกาสได้นั่งปิคนิคกัน จูนรับบทเป็นพ่อครัว เมนูคือไส้อั่วเจ้าอร่อยจากตลาดหน้าบ้านจิ๊ด เนื้อเค็มแสนอร่อยจากแผงอาหารที่ห้องอาหารของศูนย์แพทย์พระรามเก้า ทานกับข้าวหลาม เข้ากันดี๊ดี เครื่องดื่ม เป็น Snowy beer เย็นเจี๊ยบแกล้มกัย รถด่วยทอดกรอบมันอร่อย แค่นี้ก็ถือว่า มิชชั่นคอมพลีท แถมได้เช่าทีแผ่นรองนอนมาเพิ่มอีกแผ่น คืนนี้นอนหลับสบายรวดเดียวเช้า


เช้าวันใหม่ที่สดใส





















ตอนสายๆเราจองรถของอุทยานเพื่อขึ้นไปดูนกที่ลานกิ่วลม ซึ่งทางจะชันขึ้นเพื่อความปลอดภัยต้องใช้รถ 4x4 ค่าบริการ1000 บาท


Kiew Lom Campground 

ลานกางเต็นท์กิ่วลม เป็นลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก ซึ่งมียอดดอยสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อน ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันช่วงหน้าหนาว มาแคมป์ปิ้ง กางเต็นท์ ชมทะเลหมอกในยามเช้า
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิวบนดอยผ้าห่มปก มีที่พักแบบเต้นท์เพียงอย่างเดียว คือ บนลานกางเต้นท์กิ่วลม โดยสามารถเช่า เต้นท์ของอุทยานฯพร้อมเครื่องนอน หรืออาจนำเต้นท์มาเองเสียค่าบำรุงสถานที่ บนยอดกิ่วลมไม่มีร้านอาหารนักท่องเที่ยวต้อง เตรียมอาหารและน้ำดื่มมาเอง มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการ
พิกัด : อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ต.โป่งน้ำร้อนอ. ฝางจ. เชียงใหม่





เราเดินขึ้นไปตามเทรลที่นักเทรคกิ้งนิยมเดินขึ้นไปบนยอดดอยผ้าห่มปกใช้เวลา ไปกลับ 5-6 ชั่วโมง แต่เราขอขึ้นไปแค่ครึ่งชั่วโมงก็กลับเพราะนกจะเริ่มซ้ำๆ  ลงไปไปทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหาร ของอุทยานและขึ้นรถกลับที่พักที่บ้านเล็กในป่าใหญ่  


Black throated Tit


นกติ๊ดหัวแดง
ขนาดเล็กมาก มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ มักหากินรวมกันเป็นฝูง นกเต็มวัยมีหลังสีเทา ท้องสีขาว ดวงตาสีเหลือง คอสีดำล้อมด้วยกรอบสีขาว สีข้างสีน้ำตาลแดง นกวัยเด็กมีลำตัวโดยรวมสีเทากว่า และไม่มีสีดำที่คอ ชุดขนมีความแปรผันตามการกระจายพันธุ์ ประชากรในอินโดจีนมีกระหม่อมสีเทา (หรือสีน้ำตาลอมส้มในบางพื้นที่) ส่วนประชากรในเทือกเขาหิมาลัยมีคิ้วยาวมนสีขาว หาอาหารอย่างว่องไวและมักห้อยโหนตามปลายกิ่งไม้ขนาดเล็ก บางครั้งอาจบินนิ่งอยู่กับที่เพื่อจับเหยื่อ อาจสังเกตเห็นได้ยากเวลาหาอาหารในต้นไม้ที่รกทึบ แต่มักได้ยินเสียงร้อง “ซิบ” ถี่ ๆ และบางเบาอยู่เสมอ พบได้ในป่าดิบและป่าเบญจพรรณบนภูเขาสูง






ช่วงขาเดินลง เราได้ยินเสียงนกร้องดังมาก เจอจูนด้อมๆมองๆอยู่ใต้พุ่มไม้ ร้องถามมาพี่เห็นตัวนกไหม เราถามนกอะไรครับ   Giant Nuthatch อ๋อครับ เรา เพิ่งได้ยินชื่อนกชนิดนี้  ครั้งแรก  ตัวโน้นใช่ไหมครับ  ชี้ให้จูนดูนกที่โก่งคอร้องอยู่ที่กิ่งต้นสนสูงเกือบถึงยอด  ใช่แล้ว ไกลเหลือเกินเสียงร้องดังเหมือนอยู่ใกล้

Giant Nutchatch  นกไต่ไม้ใหญ่
นกไต่ไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดตัวโดยรวมเกือบเท่านกปรอด ชุดขนค่อนข้างคล้ายคลึงกับนกไต่ไม้ชนิดอื่น ลำตัวด้านบนสีเทา ลำตัวด้านล่างสีขาว มีแถบคาดตาสีดำเข้ม ค่อนข้างหายากและพบได้เฉพาะในบางพื้นที่ซึ่งมีต้นสนดั้งเดิมบนภูเขาสูง ส่งเสียงร้องเป็นทำนองแหบดังหรือเสียงผิวปากแหลมใส




 Mountain Bulbul

Eyebrowed Thrush  นกเดินดงสีคล้ำ


กลับถึงลานกางเตนท์บ้านเล็กในป่าใหญ่เรามีเวลาเก็บภาพนกกับดอกไม้งามอีกนิดหน่อย



คืนนี้เราจะค้างที่นี่อีกคืนและจะออกเดินทางแต่เช้ามืดเพื่อกลับไปเชียงใหม่ และเดินทางต่อไปขึ้นดอยอินทนนท์ พวกผู้หญิงเลยวางแผนว่าเราจะเก็บเตนท์ส่วนตัวของเราตั้งแต่วันนี้ เพราะถ้าเก็บตอนเช้าเตนท์จะยังไม่แห้งและจะทุลักทุเลเกินไป โดยคืนนี้เราจะไปเช่าเตนท์นอนของ อุทยานที่เค้ากางไว้เรียบร้อยแล้วแทน ก็เป็นอันตกลงตามนั้น  
มื้อค่ำเราก็มีเมนูคล้ายๆเมื่อคืนก่อนแต่เพิ่มแกงจืดผัดกระป๋องให้ได้ซดร้อนๆสบายท้อง



ตีห้าครึ่ง ฟ้ายังมืดอยู่ รถ2 คันวิ่งตามกันลงจากดอยกลับสู่เมืองเชียงใหม่และเดินทางต่อไปเพื่อขึ้นดอยอินทนนท์  นัดทานมื้อเช้าตอนสายๆแถวจอมทองเป็นร้านส้มตำลาบปลา อาหารเมืองที่ว่ากันว่าใครๆมาขึ้นอินทนนท์ต้องแวะ


ที่อินทนนท์จิ๊ดจองบ้านพัก รังบนดอย ไว้ ที่นี่มีบ่อนก3 บ่อให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการฟรี  นกที่เป็นไฮไลท์ของที่ที่นี้ คือนก Blue throated flycatcher นกหายาก แต่ดูเหมือนจะเป็นนกประจำบ้านของที่นี่ไปแล้ว เพราะอพยพมาทุกปี  นอกจากนั้นก็มีนกไต่ไม้หน้าผากกำมะหยี่ที่สามารถได้ภาพกันสวยๆ แต่ช่วงนี้นกไม่อยู่ อีกชนิดที่ให้ลุ้น ออกบ้างไม่ออกบ้างคือ Blue Pitta  ซึ่งวันนี้แขกต่างชาติเจอที่บ่อ3  แต่เราไม่เจอ   ก่อนแสงจะหมดเราได้เจอกับ Blue throated แต่แสงไม่ค่อยดี พรุ่งนี้ค่อยมาซ่อมใหม่







มื้อเย็นเราเดินไปทานที่ร้านของชุมชน มีหมูกระทะให้ทานด้วย  สั่งมา1 ชุดทานไม่หมด ต้องขนกลับไปให้แม่บ้านที่บ้านพัก


เราทาน

พนักงานในร้านก็ทานไปด้วย

เช้านี้พวกเราตื่นแต่เช้ามือเพื่อขับรถไปลุ้นเหมยขาบที่ยอดดอยอิน นักท่องเที่ยวไม่มากนัก แต่หลังจากพวกที่แวะชมทะเลหมอกมาสมทบตรงจุดที่มีเหมยขาบคนก็เริ่มเยอะขึ้นบางคนไม่รูจักต้องคอยบอกกันว่าถ้าเข้าไปย่ำอาจลื่นล้มได้ง่าย

เหมยขาบ เป็นภาษาไทยถิ่นเหนือเรียกละอองน้ำค้างที่กลายเป็นน้ำแข็งแผ่นบาง ๆ เกาะอยู่บนใบไม้ใบหญ้าในเวลาที่อากาศหนาวจัด ว่า น้ำค้างแข็ง. คำว่า เหมยขาบ ประกอบด้วยคำว่า เหมย ซึ่งแปลว่า น้ำค้าง กับคำว่า ขาบ แปลว่า ชิ้นเล็ก ๆ. เหมยขาบ คือน้ำค้างแข็งแผ่นบาง ๆ. ภาษาไทยถิ่นเหนือเรียกไอน้ำที่แข็งตัวเพราะความเย็นจัดว่า เหมยแขง. แต่ถ้าน้ำค้างที่ลงจัดจนเหมือนละอองฝน จะเรียกว่า เหมยช้าง (อ่านว่า เหฺมย-จ๊าง) คือน้ำค้างที่ลงหนักมากแข็งเป็นแผ่นใหญ่

          เหมยขาบ ในภาษาถิ่นพายัพและภาษาถิ่นอีสานบางถิ่นเรียกว่า แม่คระนิ้ง (อ่านว่า แม่-คะ-นิ้ง)



เหมยขาบหรือแม่คะนิ้งถ้ามองด้วนตาเปล่าก็ดูสวยดี  แต่เมื่อเราใช้เลนส์มาโครถ่ายภาพ จะทำให้เห็นความสวยงามได้มากขึ้น







จบจากเหมยขาบ เรากลับไปทานอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดไว้ให้ หลังอาหารก็เดิน ไปเยี่ยมน้องนกที่บ่อ1และบ่อ2 ก็เป็นนกเดิมๆแต่ได้ภาพในสภาพแสงที่ดีขึ้น

















เมื่อมีคนมาป้ายยาภาพต้นเมเปิลใบแดงเต็มต้น ที่ศูนย์รองเท้านารี ก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง ตอนบ่ายไม่มีแผนอะไรอยู่แล้วงั้นก็ไปกัน  เช็คเอาท์ที่พักและแวะทานข้าวที่ร้านเดิม อิ่มแล้วไปกัน















เดินหาตั้งนาน เจอะซะที ก็มีอยู่แค่เนี้ยต้นเล็กๆตอนนี้สีไม่แดงแล้วและใบร่วงไปเยอะแล้ว คนที่มาป้ายยาเค้าถ่ายยังไงนะถึงสีแดงแปร๊ดแลดูพุ่มใบแน่นหนา นี่ละหนอโลกของโซเชีย








ขากลับออกมาแวะเยี่ยมชมน้องแมลงปอ ที่น้ำตกสิริภูมินิดหนึ่ง ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าฤดูกาลนี้ไม่ใช่ฤดูกาลของแมลงปอ แต่ก็อดมีความหวังเล็กว่าจะจะแมลงปอหน้าหนาวสักชนิด แต่เอาเข้าจริงๆเดินวนในสวนหน้าน้ำตกทุกซอกมุมไม่เจอน้องแมลงปอแม้แต่ตัวเดียวน่าแปลกใจ






ลงจากดอยมีนัดทานอาหารที่บ้านเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ภาคใต้ ทำงานที่ภาคใต้ แต่ปัจจุบันเกษียณตัวเองและตามลูกมาซื้อบ้านอยู่ที่เชียงใหม่เรียบร้อย   วันนี้ลงมือทำอาหารเลี้ยงเพื่อนๆ ต้องขอพูดว่า ยินดีจั๊ดนักทานคุยความหลังกันสนุสนาน ได้เวลาสมควรก็อำลากลับไปค้างที่บ้านแม่เลี้ยงจิ๊ด อีกคืน งานเบี้ยงยังไม่เลิกรา




ตื่นมายังได้ชมนกนอกหน้าต่างครัว เป็นนกต่างประเทศที่คงมีคนนำมาเลี้ยงและหลุดออกไปอยู่ในธรรมชาติจนปรับตัวใช้ชืวิตขยายพันธุ์อยู่บริเวณนี้เรื่อยๆมา   ส่วนพวกเราก็ถึงเวลาอำลากันด้วยการกินโรตีที่ร้านฮอตฮิต ย่านนี้  ขอบคุณเจ้าภาพ ที่ต้อนรับกันทุกปีในเดือนแห่งดอกซากุระเมืองไทยบานนี้









ไม่มีความคิดเห็น:

กางเตนท์ท้าลมหนาวใต้ต้นพญาเสือโคร่ง

  มกราคม 2568 ทริปนี้ตั้งใจมาลองไปนอนกางเตนท์บนดอยที่เชียงใหม่  จองพื้นที่กางเตนท์ในเวปของอุทยานไว้กันเหนียว เค้าคิดค่าบริการ 30 บาทต่อคน/คื...