Leh Laakh
DAY5 24 July 2024
HANLE
It is the site of the 17th century Hanle Monastery and more recently, is also the home of Hanle observatory, one of the world's highest sites for astronomical observation. The observatory is operated by the Indian Institute of Astrophysics from Bangalore, and is built at a height of 4,500 metres. It is the perfect place for astro enthusiasts due to its indisputable night sky and is soon to be declared as a Night Sky Sanctuary by the Ladakh administration.
ที่นี่เป็นที่ตั้งของอาราม Hanle ในศตวรรษที่ 17 และเมื่อไม่นานมานี้ ยังเป็นที่ตั้งของหอดูดาว Hanle ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ที่สูงที่สุดในโลก หอดูดาวแห่งนี้ดำเนินการโดยสถาบันดาราศาสตร์ฟิสิกส์แห่งอินเดียจากบังกาลอร์ และสร้างขึ้นที่ระดับความสูง 4,500 เมตร เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ชื่นชอบดาราศาสตร์เนื่องจากมีท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่อาจโต้แย้งได้ และในไม่ช้านี้ฝ่ายบริหารของลาดัคห์จะประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์ท้องฟ้ายามค่ำคืน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_sAoMwRbUO329elhygLDFls9Ipkya3MgkS4XE5zanZFA2b48UVYVkiw_4V08J3_j1QXYFP_q8No1N5lNfZeBjp5Din6qjLpVzhJ_o0MYlDkRjPCdU-I2uvJgfNny_2lP0LrYvgqbjex8q4Pp6gS6i1njGmOooCAlwP2jrMF0RWWosFFB0R-5MNgz9WpWi/w640-h426/IMG_3507.jpeg)
แต่ก็น่าเสียดายช่วงที่เรามาพักที่นี่เป็นคืนเพ็ญดวงจันทร์เต็มดวงจึงไม่มืดพอที่จะเห็นดาวเต็มท้องฟ้าอย่างที่ฝันกันไว้ได้
วัดทิเบตเล็กๆแต่มีผู้คนศรัทธามากมาย ใกล้วัดหมายดูนกที่สำคัญของพวกเรา
หินมณีถูกเรียกว่า "คัมภีร์ที่เขียนไว้บนพื้น" ชาวทิเบตผู้ศรัทธาพุทธเชื่อว่าหากพวกเขาแกะสลักมนต์ที่พวกเขาสวดมนต์ทั้งกลางวันและกลางคืนบนหิน หินจะมีพลังเหนือธรรมชาติเพื่อขจัดบาปและนำทางพวกเขาไปสู่สวรรค์
ระหว่างทางเราจะพบกองหินพวกนี้อยู่คุ้นตา โดยเฉพาะใกล้ๆเจดีย์หรือแม่แต่วงเวียนกลางถนน
วันนี้หลักๆเราจะไปดูนก2 ตัว ตัวแรกแน่นอนคือ นกกระสา Black necked Crane และนกที่ไม่สวยแต่เป็นนกประจำถิ่น Tibetan Lark
ที่แรกที่ไปเป็นทุ่งกว้างเชิงเขาที่เป็นที่ตั้งของเมืองและมองเห็น อาราม Hanle ตั่งตระหง่านอยู่บนยอดเนิน
Hanle Monastery is a 17th-century gompa of the Drukpa Lineage of the Kagyu school of Tibetan Buddhism located in the Hanle Valley, Leh district, Ladakh, India on an old branch of the ancient Ladakh-Tibet trade route. The valley is home to about a thousand people, with about 300 people living in Hanle village. The monastery is home to about ten monks while another 33 or so come regularly for prayers. It is only 19 kilometres (12 mi) from the disputed frontier between India and Chinese-controlled Tibet. It is 255 km southeast of Leh, 208 km southeast of Upshi & 75 km southeast of Nyoma.
อารามหลัก ซึ่งเป็นหนึ่งในอารามที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักดีที่สุดของลาดัก ถูกสร้างขึ้นภายใต้การอุปถัมภ์ของกษัตริย์ลาดักฮี Sengge Namgyal (ประมาณคริสตศักราช 1616-1642) ด้วยความช่วยเหลือของลามะทิเบตผู้โด่งดังและนักเดินทาง Taktsang Répa Ngakwang Gyatso (Wylie: ยอง ชัง ราส ปา งาก ดังบัง รเกีย มตโช)
พื้นที่ตรงนี้มีคูน้ำธรรมชาติเล็กๆขวางตลอดแนวทำให้นกมีพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวที่จะหากินได้อย่างสยายใจไม่ถูกรบกวน การถ่ายภาพก็คงต้องใช้ขาตั้งสักหน่อย บางคนไม่เตรียมมาก็เอาภรรยาแทนขาตั้งเพื่อถ่ายภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ค้นหาเป้าหมายที่2 ไม่สวยแต่ รายละเอียดเยอะ ต้องตามดูกันใกล้ๆ ที่นี่มีคนถูกโคลนดูดด้วย
วันนี้เป้าหมาย2 ตัวสำเร็จแล้ว จากนั้นเราก็ตระเวณ เผื่อจะมีอะไรเพิ่มเติมหรือเป็นตัวเดิมแต่ได้วิวที่ดีขึ้น
It’s never rain in Ladahk
Why is there no rainfall in ladakh????
Ladakh is a cold desert & is located on a high altitude. The southwest monsoons brings no rain to this region as it is rainshadowed by the Pirpanjal, Zaskar ranges & Shiwalik ranges. ... Also the water in Ladakh comes from the melting of glaciers present in its vicinity.
Ladakh gets very less amount of rain as, Ladakh doesn't have suitable atmosphere, climate and other conditions for rainfall. It gets very less rainfall because on the altitude it is situated and the unfavourable weather conditions over there.
ลาดักห์เป็นทะเลทรายที่หนาวเย็นและตั้งอยู่บนที่สูง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะถูกสกัดกั้นโดย เทือกเขาเปียร์ปันจาล เทือกเขาซักการ์ และเทือกเขาชิวาลิก ทำให้ภูมิภาคนี้ไม่มีฝนตก ...
น้ำในลาดัคห์มาจากการละลายของธารน้ำแข็งที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ลาดักมีปริมาณฝนน้อยมาก เนื่องจากลาดักไม่มีบรรยากาศ สภาพภูมิอากาศ และเงื่อนไขอื่นๆ ที่เหมาะสมสำหรับปริมาณน้ำฝน ฝนจะตกน้อยมากเพราะตั้งอยู่บนระดับความสูงและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเหมือนทางโน้น
วันนี้แม้ดูท้องฟ้าจะมืดครึ้มแต่ทุกคนก็ดูเฉยๆ และในที่สุดเราก็ได้เจอละอองฝนเล็กๆโปรยมานิดหนึ่ง ถือว่าโชคดีที่ได้เจอฝนในลา
ระหว่างทางพบฝูงสัตว์ผสม แพะและแกะ ของพวก Nomad
การเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อนนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการเลี้ยงสัตว์ซึ่งมีการต้อนปศุสัตว์เพื่อหาทุ่งหญ้าสดสำหรับกินหญ้า คนเร่ร่อนที่แท้จริงมีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติธรรมดา เหมือนนกหนีหนาว
ไปดูนกกันต่อ
The wire-tailed swallow (Hirundo smithii) is a small passerine bird in the swallow family. It has two subspecies: H. s. smithii, which occurs throughout Africa, and H. s. filifera, which is found in southern and southeastern Asia. |
The hill pigeon, eastern rock dove, or Turkestan hill dove |
![]() |
The Tibetan snowfinch or Henri's snowfinch (Montifringilla henrici) It is found in Tibet. Its natural habitat is high altitude dry shrubland. It is sometimes considered a subspecies of the white-winged snowfinch. |
![]() |
The Tibetan lark (Melanocorypha maxima) is found on the Tibetan plateau from north-western India to central China Alternate names for this species include the Asiatic lark, long-billed calandra larkand long-billed lark. |
![]() |
Great Rosefince |
![]() |
The blue-capped redstart It is found in most of the Himalayas and the northern parts of the Indian Subcontinent, with its range extending across Tajikistan and Afghanistan into India |
![]() |
The desert wheatear (Oenanthe deserti) Both western and eastern forms of the desert wheatear are rare vagrants to western Europe. The western desert wheatear breeds in the Sahara and the northern Arabian peninsula. The eastern race is found in the semi-deserts of Central Asia and in winter in Pakistan and northea |
เมื่อเช้าเปรยๆกับภรรยาว่าอยากกินข้าวหมกไก่กับซุปหางวัว เหมือนปาฏิหาร วันนี้ลักปาให้คนขับรถไปจองร้านอาหารของเพื่อนเค้าและทำอาหารพิเศษให้พวกเรา มีแกงไก่ และซุปเนื้อแกะ แซบใช้ได้ ทุกคนทานข้าวได้ 2 จาน
แดดร่มลมตกเราไปด้อมๆมองที่ภูเขาใกล้วัดเผื่อจะเจอ owl อีกครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววเจอแค่ upland เจ้าประจำ ก็เลยไปดูนกกระสาอีกที่ที่อยู่ใกล้ชิดถนนมากคราวนี้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjbvZDD6A3Kzx6wOLgQSZrMdRL9-mj0wknvKYYXs4UiK12qNYtb_TpbIQ1ObVUEn6r62eJjx-0nQZDwgoEh3SIwkAVHvhMrYJ-QNUL90hlYFxI4v0sPfrU9uX8njjrLGnGG11PK6LHC9VPwE4_gEABL2pVjIxVzDLdYUKbDSvhOiP5OeVVsY5PsUqOxprFE/w640-h422/IMG_3497.jpeg)
สิ่งที่ยากคือการบอกว่าตัวไหนเป็นนกกระเรียนคอดำตัวผู้ตัวไหนเป็นนกกระเรียนคอดำตัวเมีย
ทั้งสองเพศมีขนาดใกล้เคียงกันและเกือบจะเหมือนกันทั้งขนนกและสี วิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกว่าใครเป็นผู้ชายและผู้หญิง คือการนั่งสังเกตรูปแบบพฤติกรรมของพวกเขายาวๆ
แม้ว่านั่นจะไม่ง่ายอย่างที่คิดก็ตาม เพราะ เช่นเดียวกันกับสมาชิกหลายตัวในตระกูล Crane พวกเขากิจกรรมหลายอย่างในชีวิต เช่น การเต้นรำผสมพันธุ์ การสร้างรัง การเลี้ยงลูกอ่อนและ การป้องกันดินแดนของแหล่งทำรัง – โดยรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อจุดประสงค์ในทางปฏิบัติที่สุด หากคุณเห็นนกกระเรียนคอดำคู่หนึ่ง จะง่ายที่สุดที่จะนับพวกมันเป็นคู่ และค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเข้า ตัวหนึ่งจะเป็นตัวผู้และอีกตัวหนึ่งเป็นตัวเมีย.
หลังจากอิ่มเอมกับการชมกระเรียนคู่นี้จบเราก็ไปนั่งรถเล่นกัน และก็ไม่เสียเที่ยวเมื่อได้เจอกับสุนัขจิ้งจอกแดงที่หลายๆคนรวมถึงตัวเราพลาดโอกาสที่จะได้เจอเมื่อวานนี้ วันนี้น้องล่าเหยื่อเดลินจนไม่มีเวลามาสนใจพวกเราทำให้สามาถเข้าใกล้ได้มากสุดๆ
Red Fox
สุนัขจิ้งจอกแดงเป็นนักล่าโดดเดี่ยวที่กินสัตว์ฟันแทะ กระต่าย นก และเกมเล็กๆ อื่นๆ แต่อาหารของพวกมันสามารถยืดหยุ่นได้พอๆ กับที่อยู่อาศัยของพวกมัน สุนัขจิ้งจอกจะกินผักผลไม้ ปลา กบ และแม้กระทั่งหนอน หากอาศัยอยู่ในหมู่มนุษย์ สุนัขจิ้งจอกจะฉวยโอกาสกินขยะและอาหารสัตว์เลี้ยง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgXU_fFaJRX3ql40OyLG_EZTmY83p0ZSsDQCHfqjTqCGgbkymmOhYejWj2knD7tCz41ETCywNlG1u-wML3-uqhLaTbTonATkxfXnKFYWHiwlG9I_yrDoslGFmTsmf21TWZauFGIcbAS4I0UTsSIk9bjDB0NPRnKqL3rxedr84hCn2wcIn_BMm8qr4IiQCOT/w640-h426/IMG_3498.jpeg)
เช่นเดียวกับแมว หางที่หนาของสุนัขจิ้งจอกช่วยรักษาสมดุล แต่ก็มีประโยชน์อื่นๆ เช่นกัน สุนัขจิ้งจอกใช้หาง (หรือ "แปรง") เป็นเกราะกำบังที่อบอุ่นในสภาพอากาศหนาวเย็น และเป็นธงสัญญาณในการสื่อสารกับสุนัขจิ้งจอกตัวอื่น
สุนัขจิ้งจอกยังส่งสัญญาณให้กันและกันโดยตั้งเสาส่งกลิ่น โดยปัสสาวะบนต้นไม้หรือก้อนหินเพื่อประกาศการปรากฏตัวของพวกมัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น