วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Guide book for Winter birding in Hokkaido ทริป4ดรุณี

 ช่วงเทศกาลหิมะซับโปโร เที่ยวไหนดี

“ What to do during the Sapporo snow festival”





 
  28-8 กุมภาพันธ์ 2015 ดีเดย์ จองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมได้เรียบร้อยครั้งนี้ได้ไปแน่นอน

แผนของเราจะไปกันก่อนล่วงหน้าไกด์ 3 วันเพื่อเที่ยวกันเองก็เลือกจองโรงแรมใกล้สถานรถไฟ ซัปโปโล จะได้ไปไหนมาไหนสะดวกก็ได้ใกล้สุดที่ราคาไม่แพงมาก ชื่อ Hotel Gracery Sapporo ดีไม่ดีเดี่ยวค่อยมาว่ากันอีกที คะแนนรีวิวอยู่ระดับปานกลางแต่มีอาหารเช้า ก็สะดวกดีตอนเช้าได้ไม่ต้องวิ่งหาของกิน ซื้อตั๋ว JR Hokaido Rail Pass แบบ 5 วัน ราคา 4450 ฿ (20000¥ ) ไว้จะได้สะดวกและประหยัด


ข้อมูลการใช้งาน
  • จุดจำหน่ายพาสหรือแลกพาสรถไฟ (Train) ของบริษัทJR ทั้งหมดในภูมิภาคฮอกไกโด และสามารถนั่ง limited express trains และ express trains ได้ฟรีอีกด้วย
  • รถบัส (Bus) ของบริษัท JR ทุกสายในภูมิภาคฮอกไกโด **ยกเว้น Twinkle Bus และเส้นทางจาก Sapporo ไปยัง Asahikawa, Monbetsu, Obihiro, Kiroro และ Erimo
  • สามารถสำรองที่นั่งได้ฟรี (จองได้ที่เคาน์เตอร์ JR หรือ ตู้อัตโนมัติที่สถานี JR)
  • ตั๋วไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายตู้นอนของรถไฟกลางคืน หากคุณเดินทางด้วยรถไฟกลางคืนจะต้องจ่ายค่าตู้นอน และที่นั่งทั้งหมด
  • ตั๋วแบบ 5 , 7 และ 10 วัน ต้องใช้งานแบบต่อเนื่อง
JR Hokkaido Rail Pass จะจำหน่ายเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น

Click เพื่อเช็คสถานที่แลกเปลี่ยนเวาเชอร์

เงื่อนไขการคืนสินค้า

ออกตั๋วไม่เกิน 90 วัน – ค่าธรรมเนียม 20% จากราคาตั๋ว
ออกตั๋วเกิน 90 วัน – ไม่รับคืน




สถานที่ท่องเที่ยวก็ลองไปค้นดูในเวป ค้าหาสถานที่น่าเที่ยว10 อันดับในฮอกไกโด ช่วงเดือนกุมภา ก็ลองเลือกๆดู กะว่าจะไปประมาณไหน


เราออกเดินทางจากสุวรรณภูมิโดย การบินไทยตามเวลา เครื่องออก 23.55 แต่ เสียเวลาไปประมาณ 10 นาที ได้ยินเสียงกับตันประกาศว่ามีการขัดข้องทางเทคนิคเล็กน้อย เรานั่งอยู่แถวหน้าเห็นช่างกำลังมะรุมมะตุ้มอยู่กับเครื่องยนต์โรสลอยด์ ก็ทำให้ใจเต้นแรง ตอนเครื่องขึ้นก็แอบลุ้นนิดหนึ่ง แต่ในที่สุดก็ราบรื่นตบอดทาง ถึง Sapporo new Chitose 8.20 น ใช้เวลา 6 ชั่วโมง 25 นาที


วันที่1    29/01/25





สนามบินชิโตเสะเช้านี้ท้องฟ้าแจ่มใส รันเวย์มีหิมะปกคลุมเล็กน้อย แลนดิ้งราบรื่น




เช็คอิน เข้าประเทศเรียบร้อย มีขั้นตอนเพิ่มจากที่เคยศึกษามาเล็กน้อย จากที่เราได้กรอกใบ ตม.ออนไลน์ มาก่อนแล้ว เราจะได้รับ QR Code มาแสดงให้ ตม.ดูแล้ว ตอนรับกระเป๋าเราก็ต้อง ดีแคลร์ด้วย QR code ที่ตู้อัตโนมัตอีกครั้ง จะมีเจ้าหน้าที่คอยถามว่าทำหรือยังๆ หลายคนเลย






ได้กระเป๋าเรียบร้อย เดินไปสถานรถไฟ เพื่อขึ้นบัตร JR Pass และ 


หาซื้อ ตั๋ว welcome suica card ( ประมาณ 1000¥ ต่อไปก็เติมเงินเรื่อยๆ ใช้เงินจนหมดคืนเงินไม่ได้)

ภาพ จาก Nuntawan


ที่เคาน์เตอรเซอรวิสของJR มีนักท่องเที่ยวเข้าคิวยาวเหยียดเพราะส่วนใหญ่ก็ใช้บริการ ตั๋ว JR pass กันแทบทุกคน ใช้เวลารอเกือบชั่วโมง ได้ตั๋วพร้อมรีเซิฟที่นั่งเรียบร้อย มีเวลา 20 นาที ตามขบวนที่ระบุในตั๋วที่รีเสริฟที่นั่งไว้ รีบจ้ำอ้าวกันไปขึ้นรถไฟที่จอดรอ อยู่แล้ว เราออกสนามบินประมาณ 10โมง40 นาที เดินทางไป โรงแรม Hotel Gracery Sapporo โดยรถไฟRapid Airport ใช้เวลา 38 นาที ใช้ตั๋ว JR pass (ปกติ ค่ารถ 1990 ¥ และเดินไป อีก 400 เมตร ถ้าใช้ shuttle bus ใช้เวลา 1ชั่วโมง 15 นาที ไปยังสถานี ซัปโปโร 







ออกจากสถานีรถไฟ ใช้ กูเกิลแมปหาทางไปโรงแรมทางใต้ดินเดินวนจนเหนื่อยสุดท้ายยอมแพ้ใช้บันไดเลื่อนออกมาที่ถนน เห็นโรงแรมอยู่ข้างหน้าอีกฟากถนนนี่เอง ลากกระเป๋าฝ่าน้ำแฉะๆจากหิมะที่เพิ่งละลายข้ามถนนและเดินไป อีก 160 เมตรไปยังโรงแรม ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินเรา ฝากกระเป๋าไว้ที่ลอปบี้โรงแรม ซึ่งอยู่ที่ชั้น7 ของโรงแรม ( โรงแรมในตัวเมืองที่ญี่ปุ่น ลอปบี้มักจะไม่ได้อยู่ที่ชั้น1การเช็คอิน เช็คเอาท์ก็ใช้ตู้อัตโนมัติ โดยใช้ พาสปอรต์ของเรา )



แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารในทางเดินใต้ดิน




หลังอาหารยังมีเวลา เราเดินทางไปเที่ยวเนินพระพุทธเจ้ากัน แต่ตอนบ่ายมีพยากรณ์ว่าหิมะจะตกแต่คงไม่เป็นไร

การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน Numboku Line จากสถานี Sapporo มาลงที่สถานี Makomanai ใช้เวลาเดินทางประมาณ 18 นาที ค่ารถไฟ 290 เยน ใช้  Suica Card แตะเข้าเกจได้ ถึงสถานีปลายทางสุดสาย เดินออกฝั่งซ้ายทางด้านทิศใต้ ต่อรถบัส ที่หน้าสถานีจะมีป้ายจอดรถบัสมีเลขเรียงเป็นแถวยาว  เราไปที่ป้ายหมายเลข 2 (ตามโพยที่อ่านรีวิวมา) ซึ่งจริงๆที่ป้ายนี้ก็มีรถหยุด 2-3 สาย  ลองกดดูใน กูเกิลแมป บอกว่าไป สาย 106 รถคนแรกมาไม่ใช่106 แต่ทุกคนขึ้นไปกันหมด  ลองถามเด็กหนุ่มญี่ปุ่นว่าจะไปเนินพระพุทธไปคันนี้ได้ไหม เด็กตอบด้วยความมั่นใจไปได้ๆ ค่าโดยสาร 380 เยน ใช้บัตร Suica แตะได้เหมือนเดิม ใช้เวลาประมาณ 25 นาที รถมาสุดสายไม่ใช่ ไม่เห็นเนินอะไรสักอย่าง ถามคนขับบอกว่า ต้องไป สาย 106 อ้าว ขณะลงรถเห็น 106 วิ่งมาจอดข้างหน้า2 คัน ริบวิ่งกันไป คันแรก ไม่ทัน ขึ้นคันที่2 นั่งสบายใจได้ไม่นาน ร็สึกผิดปกติกูเกิลแมบเดินถอยหลัง ต้องรีบลงและเดินข้ามฟากไปรอที่ป้ายอีกฝั่ง หิมะก็เริ่มตกหนัก ทุลักทุเลสุดๆรอรถประมาณครึ่งชั่วโมงจึงได้ขึ้นรถ







ไปชมเนินเขาพระพุทธเจ้า

Hill of the Buddha

The Hill of the Buddha (頭大仏) is a Buddhist shrine at Makomanai Takino Cemetery in the outskirts of Sapporo on Japan’s northern island of Hokkaido.
Designed by architect Tadao Ando, the stunning shrine opened in December 2015.



The sculpted stone Buddha statue called Atama Daibutsu, is encircled by a rotunda situated on a gently sloping artificial hill within the land belonging to the cemetery. It is 13.5-metre tall and weighs 1500 tonnes. When approaching it from afar, the lone head of the Buddha peeking from within the rotunda conveys a solemn, serene impression of the Buddha.



Getting There

  • From Sapporo Subway station (N06) take the Namboku line bound for Makomanai and get off at the terminal at Makomanai (N16)

  • Outside Makomanai station take the Chuo bus no. 106 or Chuo bus no. 108 to get to Takino Cemetery from where it is a short walk to the Buddha. The bus ride costs 380 Yen


    Opening Hours

    • April-October 9: 00-16: 00

    • November-March 10: 00-15: 00
      Open all year round

    Admission Fees A 300-yen donation is requested per person.










    ทำบุญค่าเข้า 300 เยน ไหว้พระเสร็จ เดินทางกลับไป Sapporo




    เราจับรถเมล์เที่ยวสุดท้ายกลับซับโปโร



    หน้าสถานีรถไฟ Makomanai ตอน 5|โมงเย็น




เข้าเช็คอินที่พัก และตั้งใจจะไปทานอาหารค่ำที่ คลองโอตารุ

คลองโอตารุ (Otaru Canal) – โอตารุ

ค่าเข้าชม : ไม่มี

เวลาเปิด-ปิด : ตลอด 24 ชม.

วิธีเดินทาง :  นั่งรถไฟ Japan Railways (JR) จากสถานี Sapporo (Jr) ลงสถานี Minami Otaru  ประมาณ 1 ชม.

ภาพบรรยากาศคลองโอตารุระหว่างเมีเทศกาลหิมะ สักปีหนึ่งในอดีตที่เราอยากเจอ


Otaru city is a city which had once flourished with port and railway. It is also one of the most popular sightseeing spot in Hokkaido, even now you can still find the marks of the past glory time. The construction of Otaru Canal which is also the symbol of Otaru is started from the year 1914, and completed in 9 years later in the year 1923. The total length of the canal is 1,140 m, the stone made warehouse along the canal is remained as it was during the old time, and it is also reused in restaurant and others. In evening, when the gas lamps are turned on, the stone warehouse are lighted up and the whole atmosphere is totally different from daytime.

ไม่ว่าจะฤดูไหน หนึ่งในพิกัดห้ามพลาดเมื่อมา ทัวร์ฮอกไกโด ก็คือ คลองโอตารุ สถานที่ชิลๆ บรรยากาศริมคลองสายเล็กๆ ที่มีทางเดินทอดยาวและเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะ สวยงามเกินบรรยาย ที่สำคัญจะมี เทศกาลหิมะและแสงไฟคลองโอตารุ (Otaru Snow Light Path Festival) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ทั่วทั้งเมืองจะสว่างไสว มีประติมากรรมหิมะให้ชม เพิ่มความโรแมนติกให้กับเมืองนี้ได้แบบสุดๆ

“Yuki Akari no Michi”, with candle's light illuminates the old city landscape

It is a winter festival which named after the writer from Otaru Yukari, Ito Sei's poem "Yuki Akari no Michi", and Otaru Canal is also one of the main venue of the festival where you can enjoy spectacular scenery with historic buildings and lights. You can also enjoy a sparkling night view with the float ball candle, "Symbol Tree" during “Otaru Yuki Monogatari” period.

Besides, about 40 places in the city such as canal plaza will be the venue of lighting, and the entire city of Otaru will be wrapped in the light of the candle. Why not consider to visit and enjoy Otaru night scenery which you can only enjoy it during winter time?



เป็นเทศกาลฤดูหนาวที่ตั้งชื่อตามนักเขียนจาก Otaru Yukari บทกวีของ Ito Sei "Yuki Akari no Michi" และคลอง Otaru ยังเป็นหนึ่งในสถานที่หลักของเทศกาลที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ตระการตาด้วยอาคารและแสงไฟเก่าแก่ นอกจากนี้คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่ส่องประกายด้วยเทียนลูกบอลลอย "ต้นไม้สัญลักษณ์" ในช่วง "Otaru Yuki Monogatari"

นอกจากนี้ สถานที่ประมาณ 40 แห่งในเมือง เช่น คาแนลพลาซ่า จะเป็นสถานที่จัดแสงไฟ และเมืองโอตารุทั้งหมดจะถูกปกคลุมไปด้วยแสงเทียน ลองมาเยี่ยมชมและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของโอตารุที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้เฉพาะในช่วงฤดูหนาว


เรานั่งรถไฟจากสถานรถไฟ JR ซับโปโรมาลงที่สถานีโอตารุเทอมินอล






เราเดิน ฝ่าพายุหิมะมาประมาณ 20 นาทีก็ถึงคลองโอตารุ เวลา ประมาณ20:40 อุณหภูมิ -4 องศา เชลเซียส ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวมาเช็คอิน ที่จุดนี้จำนวนหนึ่ง เราเดินทางกลับโรงแรม เป็นอันว่าไม่ได้ทานอาหารคำ่กันต้องพึ่งอาหารง่ายๆและผลไม้จาก Lawson
จบทริปการเดินทางอันยาวนานของวัน







วันที่2 30/01/25

หน้าสถานีซับโปโรจากลิฟฟ์ชั้น13 ของโรงแรม




อาหารเช้าบุฟเฟ ที่โรงแรมที่มีเมนูอลังการ
วันนี้หลังจากดูพยากรอากาศแล้ว น้องเอ๋และเจี๊ยบแววพันธ์ก็ขอตัวอยู่ชอปปิ้งและเที่ยวชมเมืองซัปโปโร แทนการเดินทางไปชมสถานที่นอกเมือง และมีภาพสวยมาฝากเราด้วย

 SAPPORO city








ส่วนเรา เจี๊ยบและ จิ๊ดเดินทางไป Asahikawa  ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 27นาที และ โดยมีแผนจะไปชมน้ำตก blue pond ชม พิพิธภัณฑ์ Snow Crystal Museum






พิพิธภัณฑ์น้ำแข็งแห่งนี้ จะทำให้คุณเหมือนหลุดเข้าไปในปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่าเลยทีเดียว โดยตลอดการเดินชมทุกมุมของปราสาท แต่ละห้องจะถ่ายทอดความสวยงามของหิมะ ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจให้ชมมากมายทั้ง ระเบียงน้ำแข็ง น้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปต่างๆ และที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ สโนว์คริสตัลรูม ให้บรรยากาศเหมือนหิมะที่กำลังล่องลอยลงมา รับรองว่ามาแล้ว มีมุมให้ถ่ายรูปเพียบ 

ค่าเข้าชม : 700 JPY
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น.
วิธีเดินทาง :  นั่งรถไฟ Japan Railways (JR) จากสถานี Sapporo (Jr) ลงสถานี Asahikawa แล้วต่อแท็กซี่หรือรถบัสท้องถิ่นไปได้เลย

บ่ายไปชมน้ำตกเป็นน้ำแข็ง
เดินกลับมาขึ้นรถเมล์ เพื่อกลับที่สถานีรถไฟ Asahikawa ต่อรถสาย FuranoไปลงสถานีBieiและไปต่อรถเมล์ Biei Eki-mae ไป 35 ป้าย ( 26 นาที )ไปลงป้ายน้าพุร้อน Shirogen Hot spring

น้ำตกชิราฮิเกะ (Shirahige Waterfall)


น้ำตกแห่งนี้จะสวยงามมาเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว ถึงแม้อากาศหนาวจัด ส่วนละอองน้ำที่สาดกระเซ็นจากน้ำตกจะไปเกาะกับต้นไม้โดยรอบจนเกิดเป็นวิวน้ำค้างแข็งบนต้นไม้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อเจอแสงแดดจะส่องแสงระยิบระยับกลายเป็นภาพที่ชวนให้ประทับใจ แต่ในขณะที่บางวันก็มีหมอกปกคลุมจนขาวโพลนไม่เห็นบรรยากาศอะไรได้เหมือนกัน ช่วงฤดูกาลนี้เหล่านักท่องเที่ยว จะได้สัมผัสประสบการณ์ยามเย็น และในเวลากลางคืนอันงดงาม เพราะน้ำตกจะส่องสว่างด้วยแสงไฟระยิบระยับหลายสิบดวง ส่งผลให้ที่แห่งนี้ดูน่ามหัศจรรย์ยิ่งขึ้น แม้ว่าระยะเวลาการประดับไฟที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี และอากาศค่อนข้างเย็นมาก (ในบางวันอุณหภูมิติดลบ 20 องศาก็มี) แนะนำให้เช็คข้อมูลก่อนเดินทางไปล่วงหน้า



ช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวอาจะไม่เห็นไม่สามารถเข้าไปดูน้ำตกได้ เนื่องจากหิมะ นักท่องเที่ยวสามารถไปแวะจุดชมวิวที่สะพาน Blue River Bridge เพื่อชื่นชมความงามของน้ำตกได้อย่างเต็มที่


ไปดูแสงสีสวยๆกันต่อกันที่ บลูพอนด์ จากป้ายน้ำพุร้อน Shirogen Hot spring ที่เรามาลงนั่งรถเมล์สาย39 ( ไป Asahikawa) 2 ป้าย ไปลง ป้าย Blue Pond ได้เลย

บ่อน้ำสีฟ้า Shirogane Blue Pond 


บ่อน้ำสีฟ้า Shirogane Blue Pond หรือสระน้ำมรกต ตั้งอยู่ในเมืองบิเอะ สวยงามท่ามกลางหิมะที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญจนกลายเป็นความมหัศจรรย์อันงดงาม และเนื่องจากในน้ำมีอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์จากการปะทุของภูเขาไฟทำให้น้ำมีสีฟ้า ช่วงที่สวยที่สุดคือฤดูหนาว ซึ่งน้ำจะเป็นสีฟ้าอมเขียวตัดกับหิมะสีขาวที่อยู่รอบๆ ดูแล้วให้ความรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก และช่วงนี้จะมีการจัดเทศกาลไฟ Winter Illumination Aoike Light up ในยามค่ำคืน ทำให้บรรยากาศสวยงามไปอีกแบบ

ค่าเข้าชม : ไม่มี

เวลาเปิด-ปิด : ตลอด 24 ชม.


เค้าว่า จะไปเที่ยวน้ำตกชิราฮิเกะ และ Blue pond ให้นั่งรถไฟ สายฟุราโนะมาลงที่สถานี Biei  ล้วต่อรถเมล์ สาย Biiei-mae ไปลงป้ายน้ำพุร้อน ก็จะได้ชมทั้งน้ำตกทะเลสาปสีน้ำเงินที่ตอนนี้ไม่มีน้ำเพราะน้ำเป็นน้ำแข็งหมด ในใจคิดว่าคงไม่มีนักท่องเที่ยวผ่าพายุหิมะมากันหรอก ก็ไม่เป็นไรแค่ได้มาเห็นแบบหนาวๆเหงาๆ 

   วันนี้เดินทาง2 ชั่วโมงกว่าโดยรถไฟ2ต่อจากซับโปโร มาถึง Biei  เป็นเมืองเล็กๆสถานเล็กลงจากรถยังใช้พนักงานยืนตรวจบัตรโดยสารไม่มีประตูติ๊งๆเหมือนที่อื่น หน้าสถานีเป็นลานกว้างๆ วันก่อนไม่ทราบเป็นสภาพแบบไหนทแต่ตอนนี้เป็นลานน้ำ้แข็ง มีพ่อแม่พาเล็กมาหัดสกีบ้าง ปั้นหิมะเล่นบ้าง นักท้องเที่ยวก็จับคู่เซลฟี่ตามมุมโน้นมุมนี้ พวกเรา3 คนหลังจากไปสอบถามที่อินฟอร์แมชั่นท่องเที่ยวแล้วก็ได้หมายป้ายรถเมล์มา แต่เดินวนหาอยู่2รอบก็ได้เจอ และได้ข้อมูลเวลารถออกจากป้ายแผ่นป้ายรถเมล์มาเรียบร้อย






MAP ป้ายรถเมล์ไป Blue Pond ดูไม่ยากแต่เดินหายาก หาอยู่2 รอบ จุดสังเกตคือธนาคาร Asahikawa






มีเวลาอีกชั่วโมง ทานอาหารกลางวันรอเลือกร้านหน้าป้ายเลย ไม่ต้องไปไกล 3 คนทานเหมือนกัน ซาบะหอยนางรม หอยหวานอร่อยน้ำซุป 2สาวว่าเคมไปหน่อยแต่เราซดเกลี้ยงชาม ใกล้เวลารถจะมา เช็คบินออกมาจากร้าน ตกใจคิวคนรอขึ้นรถ แถวยาว 100 เมตร โผล่มาจากไหนกันเนี่ยภาวนาขอให้รถเป็นรถโคตรบัสเถอะ ได้เวลารถมากลายเป็นรถขนาดธรรมดาๆทั่วไป คิวเริ่มขยับขึ้นรถอย่างช้าๆ ค่อยๆเติมค่อยๆอัด จนโชเฟอร้ต้องลงมาใช้แรงดันคนที่คาบันไดอยู่ให้ยัดเข้าไปเพื่อให้ปิดประตูได้พร้อมกับหันมากลุ่มเรา3คนซึ่งเป็นหัวแถวของส่วนที่เหลือ และทำท่าเอามือไขว้เป็นตัวx แบบว่า ดาเมะ  ซอรีๆ  เน็กซบัสสุ เอมือเวลาชี้ที่ป้ายรอหนาวๆ อีก 1ชั่วโมงน้า  โอมายก๊อด ขนาดไปยังแบบนี้แล้วไปแล้วจะมีรถลับมาไหม  … สรุปว่า แยกย้าย..

รถเมล์สาย Blue pond และน้ำตก



ดูในป้ายบอกเวลารถ มีเวลา1 ชั่วโมงแวะเข้าร้านหน้า ป้ายรถเมล์ เลยสะดวกดี




นั่งใจเย็นอยู่ที่ร้าน ออกมาอีกทีคนเข้าคิวที่ป้ายยาวเหยียด





หลังจากตกรถไป บลูพอนด์ เรากลับมาที่ Asahikawa ด้วยหวังว่าจะนั่งรถบัสไปชมพิพิธภัณฑเมื่อมาถึงป้ายรถเมล์ก็พบว่ามีป้ายinformation สถานที่ท่องเที่ยวของเมือง ปรากฏว่า ช่วงนี้พิพิธภัณฑ์ปิดให้เข้าชม  ก็เลยกลับไปสมทบกับ2 คนที่เมืองซับโปโรและหาของอร่อยๆทานกัน


แลนด์มาร์คหน้าสถานีซับโปโรตรงข้ามโรงแรมที่พัก






มีคนอยากกินซูชิสายพานจานหมุน 🍣🍤🍣🍱จัดไปค่ะ น้องเอ๋ ผู้ชำนาญการ google map serchหา  ได้ร้าน เนมูโระ ฮานามารุ กดคิวได้คิวที่ 261
พนักงานบอกรอประมาณ1ชม.😱ไหนๆมาแล้วรอละกัน หาที่นั่งคุยกัน ใกล้เวลาเดินไปดู โห ..ยังอีกนาน คนรอเยอะมาก ได้ความว่าเป็นร้านเก่าแก่ มีชื่อเสียง
รอต่อไป ...รวมเวลา เกือบ 2ชม. ไม่ผิดหวังชูชิอร่อยทุกอย่าง หารแล้วตกคนละ 2500 yen   อิ่มอร่อย ประทับใจ เสียอย่างเดียวรอนานไปหน่อย “ ( แววพันธ์รำพัน)















วันที่3 31/01/25

6.30 บุปเฟ่ มื้อเช้าที่โรงแรม Gracery เราจัดเต็มเช่นเคย




ตอนเช้าแผนเดิมเราจะไปไปชมหุบเขานรก

หุบเขานรกจิโงคุดานิ 

 Jigokudani (Hell Valley), Noboribetsu, Hokkaido

💰 เข้าชมฟรี
🚍 การเดินทาง
- ขึ้น JR ไปยังสถานี Noboribetsu (จาก Sapporo ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.นิดๆ)
- จากนั้นขึ้น Donan bus หน้าสถานี JR เพื่อไปลงป้าย Noboribetsu Onsen (จุดสังเกตป้ายที่คนลงเยอะ) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ค่าโดยสาร 350¥
- ลงบัสแล้วเดินต่อไปยังหุบเขานรกได้เลย ระหว่างทางมีจุดให้แวะถ่ายรูปเพียบ เช่น ลานกระบองยักษ์ที่มีบ่อน้ำพุร้อน, รูปปั้นยักษ์และสัตว์ต่างๆ ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ( เดินครบ loop 2 ชั่วโมง)



Noboribetsu Jigokudani: Guide & Best Things to Do in Hokkaido's Mysterious 'Hell Valley'!


Start walking! Jigokudani Lookout to Tessen Pond and beyond

This walking course takes about 2 hours: 
Jigokudani Lookout ➡ Tessen Pond ➡ Jigokudani Haridashi Lookout ➡ Oyunuma Lookout ➡ Oku-no-Yu ➡ Oyunuma ➡ Oyunuma Brook Natural Footbath.


According to legend, those who suffer from eye ailments will be cured if they wash their eyes with water from the hot spring that flows from the altar. A stone monument donated in thanks for being cured is enshrined in the altar.


Tessen Pond is located in the center of Jigokudani and the boardwalk passes near the pond so you can get an up-close view of both the pond and the geyser. Tessen Pond's temperature is nearly 80°C.

The river that flows under the boardwalk is called the Sanzu River, and is named after the mythological river that separates this world from the afterlife. But according to Mr. Ishigami, "In Jigokudani, it is said that if you cross the river, you will live longer."

Oyunuma Promenade - Oyunuma

Next, proceed along the "Oyunuma Pathway." The slope will gradually become steeper, so watch your step. Along the promenade, you'll see the Noboribetsu Primitive Forest, which is designated as a natural monument, where you can observe about 60 types of trees and about 110 types of alpine plants like azaleas and gaultheria. If you are lucky, you might even see deer and black woodpeckers.



After walking for about 20 minutes, you'll see Okunoyu and Oyunuma. Oyunuma is a gourd-shaped hot spring with a circumference of about 1 km, fed by a 130°C sulfur spring.

The white muddy river like this is called 'Nupurupetsu' ("white muddy river, deep-colored river") in the Ainu language, and it is said that it is the etymology of the name Noboribetsu," says Mr. Ishigami.



As you continue along the path, you'll come to Oyunuma Brook Natural Footbath. As the name suggests, the waters are used as a natural, healing footbath.

After enjoying a footbath, take Oyunuma Pathway No. 2 and return to the entrance at the service center. As you walk along, take note of the volcanic rocks that dot the promenade, which have been deposited by eruptions of the Kuttara volcano.


Seasonal highlights of Noboribetsu Jigokudani

Jigokudani's scenery is beautiful even in the fall and winter. In autumn, the surrounding mountains and forests turn red and create a gorgeous view. The Japanese rowans and their red leaves as a stand-out example of fall foliage. 

In winter, steam rises from snowy Jigokudani in a powerful scene that looks as if the earth itself is earth is breathing the cold winter air.

*In winter, all boardwalks except Jigokudani Pathway will be closed due to snow.


The taste of Noboribetsu at Onsen Ichiba



The most popular menu item is the "10-color Maehama Don," a luxurious dish with 10 kinds of seafood including shrimp and squid. (2,270 yen, tax included)

Noboribetsu's local specialty is called "Enma Yakisoba" (1,030 yen, tax included). It's available at about 30 restaurants around Noboribetsu, including Onsen Ichiba. "Enma," by the way, is the king of hell, who judges the sins of the dead.

ตั้งแต่เมื่อคืนหิมะตกทั้งคืน เราเลยเปลี่ยนแผนไปเที่ยวเมืองใกล้ๆสรุปว่าจะไปแก้ตัวที่โอตารุ อีกรอบ เช้านี้หิมะยังคงโปรยปราย รถไฟยังให้บริการไม่ได้หลายสายเพราะยังเคลียร์หิมะที่ตกเมื่อคืนยังไม่เรียบร้อย รวมถึงสายที่ไปโอตารุ ของเราด้วย นักท่องเที่ยวยังคงปักหลักเหนียวแน่นอยู่บนชานชาลา 





ประมาณ1 ชั่วโมงทุกอย่างก็เรียบร้อย รถขบวนแรกเช้านี้จึงหนาแน่นเป็นพิเศษ เดินทางประมาณ 30 นาที ด้วยรถด่วนพิเศษสายที่ออกมาจากสนามบิน ปลายทางโอตารุ แต่วันนี้เราจะลงที่สถานี มินามิโอตารุและเดินชมเมืองและจะไปขึ้นรถไฟกลับที่สถานีโอตารุ


Otaru












โอตะรุ ตอนหิมะลงหนักก็จะมีที่ให้หลบภัย ได้ตามเส้นทางท่องเที่ยว โดยเค้าจะเขียนว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวแต่เข้าชมได้ฟรี แต่จริงแล้วก็คือร้าน OTOP ของสินค้าญี่ปุ่นนั่นเอง ที่แรกที่เราแวะคือพิพิธภัณฑ์กล่องเครื่องเล่นดนตรี ก็มีให้ชมหลายแบบ ทั้งที่ทำด้วยไม้ เซอรามิค และอื่นๆ หลายรูปแบบ ราคาก็ถูกสุดน่าจะ 3000 กว่าเยนถึงหลายหมื่น เราก็ได้มา2 ชิ้น จุดที่2 ที่ แวะเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายที่มีชีสเป็นส่วนประกอบ ทุกคนที่เขามาก็ได้ขนมติดไม้ติดมือกันออกมาหลังหลบหายหนาว จุดที่ 3 ที่ต้องแวะเพราะมีหิมะลงแรงมากจนหน้าแสบ เป็นพิพิธพัณฑ์ที่เป่าแก้ว มีสินค้าที่ถูกใจของน้องเอ๋ก็คือปากกาแก้วแบบจุ่มหมึก สวยน่าสะสมจริงๆ น้องก็จัดมาหนึ่งชุด















Otaru Canal
The Pride of Otaru


เดินชมร้านรวงริมถนนเพลินๆเรากมาถึงคลองโอตารุอันเลื่องชื่อในซีรี่เกาหลีและจีนจนมีนักท่องเที่ยวเกาหลีมาพักที่เมืองนี้มากมาย













ตอนบ่ายเราตกลงจะไปทานเนื้อย่างที่โรงเบียร์ซับโปโร


Sapporo Beer Museum



Exploring the history of Japanese beer

This is Japan’s only museum dedicated to beer, which explores the long history of Sapporo Beer, passed down from the days of the 1876 Kaitakushi business.







เข้าไปซื้อตั๋วชมพิพิธภัณฑ์รวมถึงจองคิวภัตตาคาร










จบทริปสั้นๆที่เที่ยวด้วยตัวเอง

ช่วงต่อไปถึงคิวดูนก

ลองมาดูไฮไลท์ของที่นีกัน




エナガ

スズメ目エナガ科の鳥の一種

群れながらやってきて
ここかと思うと、もうあちら

全長13.5cm。綿を丸めたようなからだに長い尾羽がついた、かわいらしいシジュウカラに近い仲間。平地にも山地にもすみ、繁殖期にはコケを集めて木の枝に球形の巣をつくり、外側にクモの糸でウメノキゴケを貼りつけ、内部には鳥の羽兎の毛などを敷くという凝りようです。繁殖期はふつうオスとメスのつがいとなりますが、エナガはこの時も群れのままでいて、ヒナにはつがい以外の鳥もエサを与えて子育てに参加する、いわゆるヘルパーをする現象が見られます。日本では北海道から九州までの平地から低山地の林にすんでいます。ちなみに日本でいちばん小さい鳥はキクイタダキといい、体重は5グラム前後ですが、その次に小さいのがこのエナガで、体重は8グラムほどです。北海道にいるのが亜種シマエナガで、顔に黒っぽい眉はないので、真白に黒い目が目立つかわいい姿をしています。


Shikotsu-Toya National Park




Urasian nuthatch


Dusky thrush


Asian Rosy- fince


The ice village

The Lake Shikotsu Ice Festival takes place each year from the end of January to the middle of February. It is based at Shikotsu Kohan on the eastern side of the lake. Sculptures and a wide range of structures are made by spraying water from the lake over frames. Once it gets dark, the event is lit up with colorful lights. Slip and slide around a rink or down an ice slide. Afterward, warm up in a nearby hotel hot spring.



Bird-Watching haven with beautiful lakeside strolls


Lake Utonai, located near the city of Tomakomai, is a hotspot for Bird-Watching. The 250-plus species of birds that live on its shores range from small breeds like Japanese tits to eastern marsh harriers and white-tailed eagles. Take a relaxed walk around the picturesque lake to spot birds, soak in the scenery, and enjoy the natural environment







北海道バードウォッチング



自然豊かな北海道で楽しんでみたいアクティビティの1つがバードウォッチング。ここでは、各地のバードウォッチングスポットを紹介します。北の大地にたくましく生きる野鳥たちから、元気とパワーをもらいましょう!美しい姿で知られるタンチョウは、日本で繁殖する唯一の野生ツル。漢字の「丹頂」の丹は「赤」、頂は「てっぺん」の意味で、頭のてっぺんが赤いことが由来です。アイヌ語では「サルルンカムイ(湿原の神)」と呼ばれる、北海道を代表する鳥であり、国内希少野生動植物種や特別天然記念物として保護されています。明治の半ばに絶滅したと考えられましたが、その後に生息が確認され、地元の給餌活動や国の保護事業によって生息数は年々増加傾向にあり、近年では1,000羽を超える数が観察されています。 


(บทแทรก)

นกกระเรียนมงกุฎแดงมีชื่อเสียงในด้านรูปลักษณ์ที่สวยงามและเป็นนกกระเรียนป่าชนิดเดียวที่ผสมพันธุ์ในญี่ปุ่น คันจิ ``Tancho'' (ทันโจ) แปลว่า ``สีแดง'' และ ``ด้านบน'' และชื่อนี้มาจากการที่ส่วนบนของศีรษะเป็นสีแดง ในภาษาไอนุ เรียกว่า ``ซารุรุนคามุย'' (เทพเจ้าแห่งพื้นที่ชุ่มน้ำ) และเป็นตัวแทนของนกของฮอกไกโด และได้รับการคุ้มครองในฐานะสัตว์ป่าและพืชป่าสายพันธุ์หายากในประเทศ และเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติที่พิเศษ เชื่อกันว่าพวกมันสูญพันธุ์ไปแล้วในช่วงกลางยุคเมจิ แต่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้รับการยืนยันว่ามีอยู่จริง และด้วยความพยายามในการให้อาหารในท้องถิ่นและโครงการอนุรักษ์ระดับชาติ ทำให้จำนวนพวกมันเพิ่มขึ้นทุกปี และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีมากกว่า 1,000 ตัว ที่มีสำรวจนก




กิจกรรมหนึ่งที่คุณอยากทำในฮอกไกโดซึ่งอุดมไปด้วยธรรมชาติคือการดูนก เราจะมาแนะนำจุดดูนกทั่วประเทศกันค่ะ มารับพลังและพลังจากนกป่าที่อาศัยอยู่อย่างแข็งแกร่งในดินแดนทางเหนือกันเถอะ!

北海道の鳥」に指定されているタンチョウを間近で見よう!


มาดูนกกระเรียนมงกุฎแดงที่ได้รับเลือกให้เป็นนกแห่งฮอกไกโดกันดีกว่า!

そんなタンチョウを観察するなら、タンチョウに関する日本で唯一の施設「阿寒国際ツルセンター グルス」と、隣接する「タンチョウ観察センター」がおすすめ。グルスの「野外飼育場」では、自然な状態に近いタンチョウの姿を1年中観察することができます。また、タンチョウ観察センターでは11月から3月にかけて人工給餌が行われ、多い時は300羽近い野生のタンチョウが集まることも。館内には軽食・喫茶コーナーがあり、暖かい室内からタンチョウの優雅な姿を眺めることができます。


バードウォッチングに最適!サンクチュアリ(野鳥の聖域)とは?                                     เหมาะสำหรับการดูนก! สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คืออะไร?


日本野鳥の会が設置する「サンクチュアリ」は、人と自然の出会いの場であり、地域の自然保護の拠点です。野鳥などの生息地の保全を主な目的としていますが、訪れた人々がそこの自然を直接体験する場所でもあります。森や林、草原、水辺には自然観察路があり、その季節の野鳥をはじめ多様な自然が楽しめます。サンクチュアリにはネイチャーセンターという拠点施設があり、レンジャーと呼ばれる専門の職員が、保全のための調査や自然環境の管理、自然体験の手助けなどの活動を行っています。


เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ก่อตั้งโดยสมาคมนกป่าแห่งประเทศญี่ปุ่นเป็นสถานที่ที่ผู้คนและธรรมชาติมาพบกัน และเป็นฐานสำหรับการอนุรักษ์ธรรมชาติในท้องถิ่น แม้ว่าจุดประสงค์หลักคือเพื่ออนุรักษ์ถิ่นที่อยู่ของนกป่า แต่ก็เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสธรรมชาติได้โดยตรง มีเส้นทางสังเกตธรรมชาติทั้งในป่า ป่าไม้ ทุ่งหญ้า และบริเวณริมน้ำที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่หลากหลาย รวมถึงนกป่าตามฤดูกาล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่เรียกว่าศูนย์ธรรมชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทำหน้าที่สำรวจการอนุรักษ์ จัดการสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และช่วยเหลือเกี่ยวกับประสบการณ์ทางธรรมชาติ




会が自ら運営する2ヶ所のサンクチュアリは、どちらも北海道にあります。1981年に初めて設置された「ウトナイ湖サンクチュアリ」があるのは、苫小牧市のウトナイ湖。多くの渡り鳥が飛来するこの場所では、これまでに約270種の野鳥が確認されています。鶴居村にある「鶴居・伊藤タンチョウサンクチュアリ」では、絶滅危惧種であるタンチョウの増加や生息環境の保全に取り組んでいます。バードウォッチングはもちろん、野鳥についての知識や情報も得られるサンクチュアリ、ぜひ出かけてみては?


เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั้งสองแห่งที่ดำเนินการโดยสมาคมตั้งอยู่ในฮอกไกโด เขตอนุรักษ์ทะเลสาบอุโทไน ก่อตั้งครั้งแรกในปี 1981 ตั้งอยู่ที่ทะเลสาบอุโทไนในเมืองโทมาโกไม จนถึงขณะนี้มีนกป่าประมาณ 270 สายพันธุ์ที่ได้รับการยืนยันแล้วในบริเวณนี้ซึ่งมีนกอพยพจำนวนมากเข้ามา ที่เขตรักษาพันธุ์นกกระเรียนมงกุฎแดงสึรุอิอิโตะในหมู่บ้านสึรุอิ เรากำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มจำนวนนกกระเรียนมงกุฎแดง ซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และเพื่อรักษาถิ่นที่อยู่ของพวกมัน ทำไมไม่ลองไปที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้ดูนกเท่านั้น แต่ยังได้รับความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับนกป่าด้วย


渡り鳥や海鳥のダイナミックな習性を観察できる人気スポット


จุดยอดนิยมที่คุณสามารถสังเกตพฤติกรรมอันมีชีวิตชีวาของนกอพยพและนกทะเล


渡り鳥や繁殖する海鳥の習性が観察できるバードウォッチングスポットも人気です。まずご紹介するのが、美唄市の西端に位置する宮島沼。このラムサール条約登録湿地は世界でも有数のマガンの渡来地です。毎年春と秋にやってくるマガンは、その数なんと6万羽あまり。ここに滞在する間、マガンは朝早く宮島沼から飛び立って周辺の田んぼにエサをとりに出かけ、日没頃になるとねぐらの宮島沼に帰ってきます。数え切れないほどのマガンが一斉に飛び立つシーンはまさに感動的! マガンの群れと朝日や夕日とのコラボレーションが楽しめるのも魅力です


นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดดูนกยอดนิยมที่คุณสามารถสังเกตนิสัยของนกทะเลอพยพและผสมพันธุ์ได้ สถานที่แรกที่เราอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักคือ บึงมิยาจิมะ ซึ่งตั้งอยู่ทางขอบตะวันตกของเมืองบิไบ พื้นที่ชุ่มน้ำที่จดทะเบียนโดย Ramsar นี้เป็นหนึ่งในแหล่งอพยพชั้นนำของโลกสำหรับห่านหน้าขาว มีห่านหน้าขาวมากกว่า 60,000 ตัวที่มาทุกฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ในระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นี่ ห่านหน้าขาวจะบินออกจากบึงมิยาจิมะในตอนเช้าเพื่อหาอาหารในนาข้าวที่อยู่รอบๆ และกลับมายังจุดที่พวกมันอาศัยอยู่ที่บึงมิยาจิมะในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ฉากห่านหน้าขาวจำนวนนับไม่ถ้วนบินพร้อมกันนั้นช่างน่าประทับใจจริงๆ! สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือคุณสามารถเพลิดเพลินกับการทำงานร่วมกันระหว่างฝูงห่านหน้าขาวกับพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก



北海道北部にある羽幌町の沖合に浮かぶ天売島は、8種類・約100万羽の海鳥が生息する「海鳥の楽園」です。地元ではオロロン鳥と呼ばれる、天売島のシンボル・ウミガラスは、絶滅危惧種として保護されており、天売島が日本で唯一の繁殖地です。海鳥の繁殖地の中心ポイントに設けられているのが海鳥観察舎。内部には無料で利用できる50倍の双眼鏡が設置され、ウミガラスをはじめ、ウミウの子育ての様子や、岩礁で遊ぶケイマフリなど、海鳥の自然な行動をじっくりと観察することができます。野生の厳しさと海鳥のたくましさを感じることうけあいです。





เกาะเทอุริซึ่งลอยอยู่นอกชายฝั่งเมืองฮาโบโรทางตอนเหนือของฮอกไกโด คือ ``สวรรค์ของนกทะเล'' ซึ่งเป็นที่อยู่ของนกทะเลประมาณ 1 ล้านตัวจาก 8 สายพันธุ์ สัญลักษณ์ของเกาะเทอุริ นกเมอร์เร หรือที่เรียกในท้องถิ่นว่านกโอโรรอน ได้รับการคุ้มครองเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และเกาะเทอุริเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น อาคารสังเกตนกทะเลตั้งอยู่บริเวณใจกลางพื้นที่เพาะพันธุ์นกทะเล ภายในมีกล้องส่องทางไกล 50x ที่สามารถใช้งานได้ฟรี ช่วยให้คุณสามารถสังเกตพฤติกรรมตามธรรมชาติของนกทะเลได้อย่างรอบคอบ รวมถึงนกนางนวล นกกาน้ำทะเลที่เลี้ยงลูก และปลาหินที่เล่นตามแนวปะการัง คุณจะสัมผัสได้ถึงความโหดร้ายของธรรมชาติและความแข็งแกร่งของนกทะเล




ไม่มีความคิดเห็น:

Coral-billed ground cuckoo นกโกโรโกโส

  Coral-billed ground cuckoo  The  coral-billed ground cuckoo  ( Carpococcyx renauldi ), also known as  Renauld's ground cuckoo , is a l...