วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567

ไปดูนกแก่งกระจาน

 ทริปนี้เราเดินทางกัน5 คน พี่ต่าย จิ๊ด น้องเอ๋ ชายเกียรติ์ โดยรถส่วนตัว จากกรุงเทพ ใช้เส้นทาง ทางด่วนข้ามสะพานพระรามเก้า สะพานแขวนแห่งแรกของไทย ที่เค้าให้เรียกสะพานขึงถึงจะถูกแต่ใครๆก็ไม่ชอบ ก็เรียกกันสะพานแขวนเหมือนเดิม ตอนนี้สะพานแขวนมีแบบเสาคู่สร้างขึ้นมาคู่กันเป็นทางด่วนต่อส่วนขยายทางด่วนดาวคะนองต่อไปลงที่ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม การก่อสร้างนี้เลยทำให้ถนนพระราม2 ได้ชื่อว่าถนนเป็น50ปี ที่สร้างไม่เสร็จ ต่อไปอีกหลายปี

         ช่วงถนนที่กำลังก่อสร้างวุ่นวายนี้มีจุดแวะสำหรับนกชมนกที่ชื่นชอบนกน้ำที่อพยพหนีหนาวมากินอยู่ที่ชายทะเล จนเกิดเป็นชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติโคกขาม ที่ไม่ได้มีเงินสนับสนุนจากภาครัฐอย่างที่ควรจะเป็น

พื้นที่ใช่เป็นที่ชมนกทะเลพวกนี้ก็จะเป็นนาเกลือที่เป็นอาชีพของชุมชนโคกขามมานานปี การเข้าไปชมก็ไม่มีค่าบริการแต่อย่างใดแต่ต้องให้ความเกรงใจและไม่ทำความเสียหายต่อทรัพย์สินของชาวบ้าน 





        เป้าหมายสำหรับที่นี่ของวันนี้ คือเจ้า สปูนนี่ หรือนกชายเลนปากช้อน Spoon-billed Sanpiper เป็นนกรัสเซียที่มีจำนวนไม่มาก แค่หลักร้อย  ที่เมืองไทยพบได้ปีละไม่ถึงหลักสิบ แต่ถือว่าเป็นแหล่งที่สามารถเจอได้ง่ายและใกล้ชิดแห่งหนึงของโลกใบนี้

       เนื่องจากเป็นนกตัวเล็กและหากินอยู่รวมกับชนิดอื่นๆจึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญช่วยแคะ สำหรับมือใหม่อย่างเราก็ชื่นชมไปกับนกกาบบัว หรือคิดเสียว่าเป็นฟลามิงโก้เมืองไทย ที่ก็เพิ่งจะได้เห็นใกล้ชิดเป็นครั้งแรก

      

นกกาบบัว เป็นนกประจำถิ่นที่พบได้ทั้งปี




ช่วงนี้ต้นชะครามจะแตกยอดสีชมพูช่วยเพิ่มสีสันให้กับคันนาเกลือ


Marsh Sanpiper นกชายเลนบึง


ในกลุ่มตัวเล็กๆนี้แหละคาดว่าจะมีน้องสปูนนี่ปะปนอยู่แคะกันตาแตกเลยเรา ท้ายสุดต้องถ่ายกราดไปเลยแล้วว่างๆค่อยมานั่งแคะที่บ้าน



Broad-billed Sanpiper นกชายเลนปากกว้าง ในหมู่นกหัวโต

ตัวที่สองจากซ้ายคือผู้ต้องสงสัยของเรา ความน่าจะเป็น1%


เจอแล้ว หลังจากกลับไปแหวกนิ้วดูที่บ้าน น้องเอ๋นักวาดภาพก็เจอ เจ้าสปูนนี่จนได้แม้จะหันตูดมาแต่ปากช้อนโผล่ให้เห็นชัด

เช้านี้มีฝนตกลงมาปรอยๆ หลายรอบทำให้รบกวนการการแคะนกพอสมควรใกล้เที่ยงพวกเราก็ยอมแพ้  ถอนสมอไปแวะทานอาหารร้านเพื่อนแนะนำมีเมนูยอดชะคราม ปลาทูทอดน้ำปลา(หวาน😊) หอยหลอด น้ำพริกกุ้งเสียบ เป็นต้น  ทานอาหารเสร็จก็ล้อหมุนตรงไปแคมป์บ้านกร่าง แห่งแก่งกระจานกันเลย เป้าหมายคือ นกเค้าหน้าผากขาว Whitr-fronted Scops Owl ตามหมาย ที่บอกต่อๆกันมา ถึงสถานที่จริงเดินวนถ่ายนกบูบุกพันธุ์เหนือ เกาะสูงๆบังๆเล่นๆพลาง

ระหว่างที่ผู้เชี่ยวชาญไปตระเวณหากันอยูนานจนในที่สุดมีต่างชาติสองคนไปนั่งยองๆถ่ายอะไรสักอย่าง พี่ต่ายเข้าไปถามดูถึงรู้ว่า อ๋อ owlอยู่ตรงนี้้นี่เอง อายเลย 

แสงใกล้จะหมดถ่ายมาแบบ iso สูงปริ๊ด นอยสกระจาย




ทริปนี้เหมือนเช่นทุกครั้งที่มาแก่งกระจานเราพักกันที่ แก่งกระจานเลคฮิลรีสอร์ต ซึ่งเป็นของเจ๊หมู เพื่อนในกลุ่มดูนกของพวกเรา ที่ตั้งใจเปิดรีสอตนี้ขึ้นมาเพื่อบริการคนดูนกด้วยห้องพักที่สะอาดราคายุติธรรมเป็นกันเอง


Day2
Bird’s hide
เช้านี้ เรามีแขกพิเศษขับรถมาสมทบ
อจ วลา อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่หลังจากเริ่มดูนกไม่นานก็กลายเป็นผู้หลงไหลติดตามนกแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย งานอดิเรกอีกอย่างพี่วลาก็คือทำอาหาร วันนี้พี่เค้าตั้งใจขับรถออกจากบ้านมาตั้งแต่ตีสาม เพื่อมาให้ทันทำขนมผักกาดให้พวกเราทานเป็นมื้อเช้า ซึ้งในน้ำใจพี่เค้าจริง
ขนมผักกาด นุ่มอร่อย ฝีมือ อาจารย์ วลา ภาพโดย น้องเอ๋
ทานอาหารเสร็จเราก็เดินทางไปเข้าบ่อนก ครั้งนี้จะเป็นบ่อเบิร์ดที่เป็นบ่อนกที่พวกเราทั้งกลุ่มไม่เคยนั่งมาก่อน เลยต้องลุ้นโทรถามทางไปตลอด ที่สำคัญคือช่วงใกล้จะถึงบ่อจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และไวไฟแต่ยังดี ที่บ่อะอยู่ใกล้ๆกับบ่อที่พวกเราเคยมานั่งมาก่อนก็ทำให้ไม่ต้องลุ้นมาก  บ่อเบิร์ดจะอยู่ใกล้ที่จอดรถเดินไปนิดเดียวก็ถึง เมื่อเราไปถึงมีนักดูนกชาวจีนไต้หวันมานั่งอยู่แล้ว 7 คน พวกเราเข้าไปอีก 4 และมี กลุ่มคนไทยมาเพิ่มอีก3 คน รวมเป็น 14 คน ถือว่าเป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุดที่เคยนั่งที่แก่งกระจานแห่งนี้
นกเป้าหมายของวันนี้ คือนกแว่น พ่อ แม่ ลูก แต่นกและ สัตว์ตัวอื่นๆก็สร้างความเพลินให้พวกเราได้ตลอดวัน


นกกระรางปากเหลือง

นกหัวขวานสามนิ้วหลังทองตัวผู้


นกหัวขวานใหญ่หงอนเหลือง

นกหัวขวานสามนิ้วหลังทองตัวเมีย
นกกระรางสร้อยคอใหญ่


นกกระรางปากยาว

ไก่ป่าขึ้นคอน

นกเขาเขียว

นกกระรางหัวหงอก

หมาไม้ เป็นสัตว์ที่มีกลิ่นตัวแรงมาก มีความคล่องแคล่วปราดเปรียวมาก สามารถหากินได้ทั้งบนต้นไม้และพื้นดิน กินอาหารได้หลากหลายประเภททั้งพืชและสัตว์ ทั้งสัตว์ฟันแทะแมลงสัตว์เลื้อยคลานนก หรือ ไข่นก บางครั้งอาจเข้ามาหาอาหารที่นักท่องเที่ยวป่าทิ้งไว้ตามเต๊นท์ นอกจากนี้ยังสามารถกินผึ้งและน้ำผึ้งเหมือนหมีได้อีกด้วย 
หมาไม้



นกแว่นสีเทา

นกแว่นสีเทาเป็นนกขนาดกลางถึงใหญ่ มีขนาดความยาวลำตัวประมาณ 55–75 เซนติเมตร มีขนทั่วตัวสีเทาน้ำตาล คือสีพื้นเป็นสีน้ำตาลไหม้ มีจุดขาวเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วไป ทำให้ดูเป็นสีออกเทา มีแว่นรูปไข่ที่ปีกและหาง ซึ่งแว่นนี้เป็นสีม่วงแดงเหลือบเขียว ตัวผู้มีขนหงอนสีเทาน้ำตาลเล็กน้อยและมีเดือยข้างละ 2 อัน ส่วนตัวเมียไม่มีขนหงอนและเดือย และแว่นมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย ทั้งตัวผู้และตัวเมียมีหางยาวเหมือนกัน และขามีสีเทา


ไก่ฟ้าหลังเทา
ที่ แก่งกระจานเราสามารถพบเจอนกกระทาได้3 ชนิด และวันนี้เราโชคดีที่เราได้เห็นทั้ง3 ชนิดภายในวันเดียว
กระทาดงอกสีน้ำตาล

กระทาดงสองเดือย


กระทาดงแข้งเขียว



กระจง มีรูปร่างคล้ายกวาง แต่ไม่มีเขาและไม่มีต่อมน้ำตา พบกระจายพันธุ์ในทวีปเอเชีย ตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, จีนตอนใต้ (ตอนใต้ของมณฑลยูนนาน), ตอนใต้ของเกาะปาลาวันในฟิลิปปินส์ ตัวผู้มีลักษณะเด่น คือ มีเขี้ยวแหลมคมงอกออกมาหนึ่งคู่ ใช้ในการต่อสู้ซึ่งในประเทศไทยมีผู้นำมาทำเป็นเครื่องรางเป็นสัตว์ที่หากินและอยู่ตามลำพังตัวเดียวในพงป่าทึบ หากินในเวลากลางคืน กินพืช เช่น ผลไม้, ลูกไม้, เมล็ดพืช, หญ้า และผักต่าง ๆ เป็นอาหาร 

กระจง เป็นสัตว์ที่มีกีบเท้าคมมาก หากมีผู้อุ้มหรือจับโดยไม่ระวังตัวอาจถูกถีบเป็นแผลเหวอะได้ในนิทานพื้นบ้านของแหลมมลายู กระจงถูกเรียกว่า "กันจิล" มักถูกให้ภาพของความเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ฉลาดแกมโกง เอาเปรียบผู้อื่น กันจิลในภาษามลายูยังมีความหมายถึงผู้ที่มีนิสัยดังกล่าวอีกด้วย

ถ้าเรามานั่งบ่อนกทุกบ่อที่แก่งกระจานจะได้เจอพวกเขาแน่นอน



นกจับแมลงจุกดำตัวเมีย

นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่

นกกาแวน
นกเอี้ยงสาริกา
Day3
วันนี้เราจะขึ้นพะเนินทุ่ง ซึ่งเส้นทางยังไม่ได้รับการปรับปรุงทำให้ต้องใช้รถโฟวีล ซึ่งก็เป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชน ถือเป็นซอฟเพาเวอร์ตัวหนึ่ง สัตว์อยู่ได้คนอยู่ได้

 หลังจากออกจากแคมป์บ้านกร่าง จะมีจุดที่รถต้องข้ามลำธาร 3 ลำธาร ซึ่งลำธารเหล่านี้เป็นแหล่งดูแมลงปอและผีเสื้อ ที่ดีแหล่งหนึ่งของไทย ริมลำธารก็จะเป็นเทรลดูนกหลากหลายชนิด โดยเฉพาะนกพญาปากกว้างเกือบทุกชนิดของไทยจะเห็นได้ง่ายในช่วงเลี้ยงลูก

ผ่าลำธาร3 ก็จะถึงจุดที่เป็นฝายน้ำเล็กๆก็จะเข้าสู่ช่วงเส้นทางขึ้นพะเนินทุ่ง ซึ่งมีโอกาสที่จะเจอสัตว์หายาก เช่นเสือดำ ซึ่งทุกคนคาดหวังจะได้เห็น วันนี้เรายังไม่โชคดี ได้แค่เจอ แค่นกแว่นวิ่งตัดหน้า ไม่สามารถเก็บภาพได้ ต่อมาก็เจอ เก้งขาวดำ ที่ยืนนิ่งให้ได้ถ่ายภาพแค่ 20 วินาทีก็วิ่งเข้าป่ารกไป





เก้งหม้อ(เก้งดำ หรือ เก้งดง)/Fea's Barking Deer, Fea's Muntjac (Muntiacus feae)


เป็นสัตว์ป่าพื้นเมืองของไทยชนิดหนึ่งที่ Red Data Book ของ IUCN (องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ) จัดให้เป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ของโลก ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้มีอยู่น้อยมาก เท่าที่ทราบในประเทศไทยมีถิ่นที่อยู่กระจายเฉพาะทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไทย ตั้งแต่จังหวัดราชบุรีถึงจังหวัดตาก และแถบเทือกเขาตะนาวศรีของประเทศพม่าเท่านั้น

เก้งหม้อ หรือเก้งดำ หรือกวางจุด เป็นสัตว์จำพวกกวางขนาดเล็ก น้ำหนักตัวประมาณ 20 กิโลกรัม ขนาดเล็กกว่าเก้งธรรมดาหรือเก้งแดง ขนตามตัวจะเป็นสีเทาเข้มเกือบดำ ยกเว้นบริเวณกระหม่อมเป็นสีเหลืองอยู่รอบโคนเขา และที่โคนหูตรงส่วนกลางของโคนเขาจะมีขนสีดำเป็นแนวในแนวดิ่ง และการที่สีขนตามตัวของเก้งหม้อเป็นสีเข้มเกือบดำ ทำให้บริเวณหางทั้งสองข้างเป็นสีขาวชัดเจน



พะเนินทุ่งสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปก็คือขึ้นมาสัมผัสทะเลหมอกและความหนาวของภูเขาภาคกลางของไทย แต่สำหรับนักดูนก   นกกระลิงเขียดหางหนามที่หายากคือเป้าหมายที่ต้องขึ้นมาดูๆและก็ต้องขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งกว่าจะได้เจอ และวันนี้ก็เป็นอีกวันเราก็ยังไม่โชคดี ที่จะได้เจอ  ที่ลานกางเตนท์มีต้นไทรที่ผลสุก ก็มีนกมาให้เก็บภาพหลายชนิด
นกตั้งล้อ 

มีนกเขียวก้านตอง 3 ชนิดหมุนเวียนมากินลูกไทรสุกต้นนี้

นกปรอดภูเขา

นกกาฝากก้นเหลือง

เราขึ้นต่อไปบริเวณที่ตำหนักรับรอง มีนกกก ไต่เก็บลูกไม้อยู่อย่างนอนใจว่าไม่มีใครรบกวน





สายๆพวกเรา ตัดสินใจลงไปลองค้นหาตัวเป้าหมายตามเส้นทางที่หลายคนเคยเจอมาในอดีต และเราก็ไม่ลืมที่จะแวะบ่อน้ำใหญ่ที่เป็นแหล่งที่มีการค้นพบแมลงปอชนิดหนึ่งที่เพิ่งจะมีการเจอเฉพาะที่นี่ที่เดียวจนน่าแปลกใจ


แมลงปอบ้านนิลปีกแต้มดำ


บ่ายวันนี้หลังจากทานอาหารที่ร้านสวัสดิการ ที่บ้านกร่างเรียบร้อย เราก็ออกตระเวณ ชมนกชมไม้ตามเทรลริมลำธาร
จุดแรกที่ต้องไปคือไปซ่อมถ่ายภาพนกเค้าหน้าผากขาวตอนที่แสงดีกว่าเมื่อวาน ซึ่งน้องก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากออกหาอาหารเมื่อคืนน้องก็กลับมานอนกลางวันที่เดิมเป๊ะ แถมวันนี้ลืมตาให้ได้เห็นอีกด้วย


ตอนบ่ายอากาศร้อนอบอ้าว เลยไปนั่งหลบแดดต่อด้วยไปดูดูนกลงเล่นน้ำในลำธาร มีทั้ง ปรอด แซงแซว เขียวคราม และ เจ้าขิงดอง นกพญากว้างเล็ก นกพญาปากกว้างอกเงิน ฯลฯ บริเวณนั้นเราก็เจอนกขุนแผนอกสีส้มในระยะเผาขน คาดว่าเค้าคงจะทำรังอยู่แถวนี้

เจ้าขิงดอง




ลูกชะนี ตัวสีทองน่ารัก



หลังจากเจ๊หมูดูนกเล่นน้ำ ถ่ายวิดิโอจนพอใจแล้วก็ชวนพวกเราไปหานกกระเต็นลาย ที่เทรลบ้านช้างเหยียบซึ่งก็ได้เจอเกาะเด่นๆสมใจกันทั่วหน้า



ริมถนนฝั่งตรงข้ามเทรลช้างเหยียบ จะมองเห็นรังนกพญาปากกว้างชนิดหนึ่งที่ตัวแม่กกลูกอยู่ในรังเราเฝ้ารออยู่นานก็ไม่ยอมออกมาแสดงตัวให้เห็น คงต้องเป็นโอกาสครั้งต่อไป ตอนที่เค้าป้อนลูกคงได้เจอ

นกพญาปากกว้างนอนกกกไข่ในรัง

ระหว่างเดินทางกลับ คนขับรถและไกด์สมัครเล่นหนุ่ม ได้ยินเสียงสาริกาเขียวร้องอยู่ริมทางเลยแวะจอดให้เราได้เก็บภาพกันชัดๆดีงาม






อีกครั้งที่เราต้องหยุดรถกระทันหันก่อนข้ามลำธาร 1เหนือกิ่งไม้ที่ยื่นมาตรงหน้ามี นกจับจาบคาเคราแดงสีสวยสดคู่หนึ่งเกาะโชว์อยู่โดดเด่น






อิ่มอกอิ่มใจกลับที่พักโดยไม่ต้องแวะจุดชมสัตว์จุดอื่นๆอีก  และมีแผนจะไปดูนกกลางคืนโดยจ้างไกด์ท้องถิ่นนำไป
หลังอาหารเสร็จประมาณ 1ทุ่มเรานั่งรถกระบะ โดนมีไกด์เป็นคนขับรถด้วย เป้าหมายแรก คือนกแสกแดง แต่ไกด์แจ้งว่าช่วงนี้ไม่ได้ยินเสียงเลย จะมีแต่ชนิดอื่น ซึ่งพวกเราบอกก็ยินดีดูทุกอย่าง ที่เดินได้ยกเว้นหมาบ้าน เมื่อถึงเป้าหมายถนน ทางเข้าบ้านมะค่า ไกด์ก็เริ่มเปิดไฟฉายที่คาดไว้ที่หัว และส่ายหัวไปมาส่องต้นไม้ทุกต้นที่วิ่งผ่านด้วยความชำนาญ มีบางครั้งก็มีแสงสะท้อนจากตานกตบยุงอยู่ไกลๆ ในที่สุดไกด์ก็พามาถึงจุดที่มีไม้กั้นไม่ให้รถเข้า ไกด์ก็จอดราพาเราลงเดินไปตามถนน เข้าแปลงเพาะชำกล้าไม้ ได้ยินเสียงนกเค้าหูยาวเล็ก แต่ยังไม่เจอตัว ไกด์เลยพาเราเลยเข้าไปในบริเวณลานเพาะชำ มีกลิ่นสัตว์เน่าซึ่งเป็นกลิ่นของปุ๋ยสร้างคอกสร้างบรรยากาสให้วังเวงได้ไม่น้อย ในที่สุดเราก็ได้ตื่นเต้นกับการลุ้น นางอาย
ตัวแรก ที่ซ่อนๆบัง และ ตัวที่สองตามมาที่ได้เจอหน้าเด่นชัด





ลิงลม หรือนางอาย (Slow Loris) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม อยู่ในวงศ์ Lorisidae ในอันดับไพรเมต (Primates) และเป็นสัตว์ประเภทลิงชนิดเดียวของโลกที่มีพิษในตัว พบได้ในป่าของภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ลิงลมในประเทศไทยพบได้ 2 ชนิดพันธุ์ (Species) คือ ลิงลมเหนือ (Nycticebus bengalensis) และ ลิงลมใต้ (Nycticebus coucang)

ลิงลม มีลักษณะรูปร่างเล็ก ขนนุ่ม สั้น หนาเป็นปุย มีเส้นสีน้ำตาลเข้มจากหัวไปตลอดแนวสันหลัง หน้าสั้น ตาโตกลม ใบหูเล็กจมอยู่ในขน และไม่มีหาง

ลิงลมมีพฤติกรรมการหากินบนต้นไม้ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน และมักออกหากินตัวเดียว ยกเว้นในช่วงที่มีลูกอ่อน ลิงลมจะให้เจ้าตัวเล็กเกาะติดอกไปด้วย และในเวลากลางวันลิงลมจะซ่อนตัว โดยใช้ใบไม้หรืออยู่ในโพรงไม้ เพื่อหลบแสงแดด

แม้ภายนอกลิงลมจะมีหน้าตาน่ารัก ตาโต ดูไม่มีพิษภัย แต่ความจริงแล้ว ลิงลม มีฟันและเขี้ยวที่แหลมคม เพื่อใช้กัดเหยื่อจนถึงแก่ชีวิต โดยลิงลมจะเลียที่ต่อมพิษที่หลั่งจากต่อมใต้รักแร้ก่อนกัดไปที่เหยื่อ เพื่อให้สารพิษผสมกับน้ำลายก่อนกัด ซึ่งจะทำให้แผลที่เกิดขึ้นในตัวเหยื่อหายช้า และกลายเป็นหลุมเนื้อตายในที่สุด

และหากลิงลมกัดคน พิษของมันจะทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้



การเดินในเวลากลางคืนก็ต้องไม่ลืมส่องทั้งบนพื้นและเหนือศรีษะในการเดินทางทุกย่างก้าว




ที่เรือนเพาะชำก็จะมีนกตบยุงหางยาวบินจับแมลงขึ้นๆลงๆอยู่หลายตัว




ส่องไปเจอตกใจนึกว่านกยักษ์ที่แท้เป็นว่าว ได้ขำกลิ้งกัน

ทารันทูล่า (อังกฤษTarantula) หรือในไทยเรียกรวม ๆ ว่า บึ้ง เป็นสัตว์ขาปล้องจำพวกแมงมุมกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ Theraphosidae เป็นแมงมุมที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคโบราณกว่า 350 ล้านปีมาแล้ว โดยมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างร่างกายน้อยมาก มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับแมงมุมท้องปล้อง แต่ทารันทูล่าจะไม่เหลือปล้องบริเวณท้องอีกแล้ว ทารันทูล่าทั่วไปเป็นแมงมุมขนาดใหญ่ มีขายาว และมีลักษณะเด่นคือ มีเส้นขนจำนวนมากขึ้นอยู่ตามตัวและขา เห็นได้ชัดเจน ส่วนมากมีสีสันหรือลวดลายที่สดใส พบได้ทั่วไปทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ทะเลทราย, ทุ่งหญ้า หรือในถ้ำที่มืดมิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบร้อนชื้น หรืออุณหภูมิแบบป่าดิบชื้น ยกเว้นขั้วโลกเท่านั้น

ที่คันดินริมถนน ไกด์ยังส่องให้เราดูบึ้งดำและบึ้งสีน้ำเงินพร้อมลูกตัวน้อยๆที่หาดูได้ยากในธรรมชาติ




ก่อนจะออกจากบริเวณไม้กั้น เราได้ยิน เสียงนกเค้าหูยาวเล็กอีกครั้ง เมื่อเปิดเสียงเค้าก็จะร้องตอบ เสียงอยู่ใกล้พวกเรามากๆ แต่ส่องเท่าไหร่ก็ไม่เจอ 3 ทุ่มกว่าหมดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ไกด์พูดว่าพรุ่งนี้เขาหยุดงานเลยจะพอจะยืดเวลาให้กับพวกเราอีกหน่อย และ พาพวกเราเดินไปยังจุดที่สมัยก่อนเค้าเคยเลี้ยงอาหารนกพวกนี้ไว้  เมื่อเปิดเสียงอีกครั้งก็มีเสียงมาอยูบริเวณใกล้อีกครัง้ ความพยายามครั้งสุดท้ายเป็นผล พวกเราหัวใจพองโตเมื่อได้ยินเค้าบอก เจอแล้วครับ

เราขยับตัวหาจุดที่เหมาะๆได้ภาพที่สวยงามเกินความคาดหมาย  จบแบบแฮปปี้อีกครั้ง ด้วยสนนราคารวม 1000 บาท คุ้มค่าสุดๆ เกินคุ้ม



DAY4
วันนี้เราเช็คเอ่ท์ออกจากแก่งกระจานเลคฮิลแต่เช้ามืดเพื่อจะไปเยี่ยมเจ้าสปูนนี่ อีกแหล่ง ที่นั่นคือศูนย์อนุรักษ์ปากทะเล จังหวัดเพชรบุรี เช้านี้การดูนกค่อนข้างจะอินเตอร์ มีไกด์กิตติมศักดิ์ “ พี่แดง” เป็นคนช่วยแคะนก มีนักดูนกหลายเชื้อชาติทั่งกลุ่มไทย จีน ฝรั่ง อินเดีย มารวมตัวกันอยู่ที่นี่  และพี่แดงก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง หลังจากเดินส่องกาอยู่หลายกิโลเมตร ก็ได้เจอเจ้าสปูนนี่สองตัว ว่ายน้ำช้อนหาอาหาร อยู่ใกล้กลุ่มนกน้ำชนิดอื่นๆ มองเห็นอยู่ไกล ทุกคนแฮปปี้แค่ได้เห็นตัวน้อยอยู่ไกลๆ ด้วยไบนอค และสโคป ไม่มีใครคิดจะคืบเข้าใกล้เพื่อได้เก็บภาพนกเต็มเฟรมแต่อย่างใด ทำให้เราก็ต้องหยุดอยู่แค่นี้เช่นกัน






Pink lake ทะเลสาปสีชมพู

สีชมพูที่เกิดจาก Dunaliella salina ซึ่งเป็นสาหร่ายที่ผลิตแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นแหล่งของเบต้าแคโรทีน สารสีผสมอาหาร และเป็นแหล่งของวิตามินเอ
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามในหลายๆประทศ และเป็นที่ชุบตัวของนกฟลามิงโก้ ในหลายๆประทศเช่นกัน
  
 ที่ปากทะเล บ้านเราก็มีนะ ทะเลสาปสีชมพูแต่ ไม่มีฟลามิงโก้ มีแต่นกกาบบัวที่พอจะเข้าเค้า



เราออกจากปากทะเล เพื่อไปทานอาหารเที่ยงร้านอร่อยและบรรยากาสสวยงามเป็นสวนป่าท่ามกลางทุ่งนา ร้านป้าหยันอาหารไทยเพชรบุรี


ภาพโดยน้องเอ๋ Nantawan
บทสรุป ขากลับเราลองแวะโคกขามอีกครั้ง เผื่อจะเจอน้องสปูนนี่กับเบ็คกราวด์อาทิตย์อัสดง แต่โชคร้ายเป็นช่วงเวลาน้ำลง ทำให้นกออกไปหากินในทะเลกันหมดไม่เหลือใครแม้แต่ตัวเดียว    จบทริป 




ไม่มีความคิดเห็น:

กางเตนท์ท้าลมหนาวใต้ต้นพญาเสือโคร่ง

  มกราคม 2568 ทริปนี้ตั้งใจมาลองไปนอนกางเตนท์บนดอยที่เชียงใหม่  จองพื้นที่กางเตนท์ในเวปของอุทยานไว้กันเหนียว เค้าคิดค่าบริการ 30 บาทต่อคน/คื...